ก้าวไม่พ้น! “ประยุทธ์” เหน็บถึงบางคน รวยจากโทรคมนาคมปี 30

วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564 เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยก่อนการประชุมเมื่อเวลา 08.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวภายหลัง รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และคณะผู้บริหาร เข้าพบเพื่อนำเสนอผลงานภายใต้โครงการ BCG เพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานราก ผลงาน BCG : พลังเศรษฐกิจใหม่ พัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ตอนหนึ่งว่า

หลายอย่างประเทศไทยได้เริ่มต้น ซึ่งเป็นวิธีการที่ถูกต้อง ในเรื่องการปรับเศรษฐกิจของไทย ที่จะทำให้เรามีรายได้สูงขึ้นอย่างที่ตั้งเป้าไว้จากรายได้ปานกลางเป็นประเทศที่มีรายได้สูง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาล ภาคเอกชนและนักวิชาการ นี่คือการทำงานของประเทศไทยและหลายอย่างเกิดขึ้นในช่วงสมัยของรัฐบาลนี้ มีอะไรที่ต่อยอดขึ้นไปเรื่อยๆ สิ่งดีดีเกิดขึ้นในประเทศไทยแล้ว สิ่งไม่ดีเราก็แก้ไขกันไปเท่านั้นเอง อุปสรรคเราก็ต้องแก้ทั้งด้วยกฎหมายและวิธีการ อยู่ระหว่างการทบทวนและแก้ไขกฎหมายอยู่หลายฉบับ ยากพอสมควร เพราะทุกอย่างก็ต้องเข้าสภา จึงอยากให้ใช้เวลาที่มีอยู่ ช่วงการแพร่ระบาดของ โควิด-19 พัฒนาศักยภาพต่างๆหลังจากนี้เมื่อการแพทยระบาดของ โควิด-19 ทุเลาลงไปแล้วก็จะทำให้เรา เป็นประเทศที่เก้าได้เร็วกว่าคนอื่น ล้มแล้วลุกไว ลุกแล้วเก้าต่อด้วยความแข็งแรง

“เพราะฉะนั้นปัญหาอื่นๆมันธรรมดา คนเยอะปัญหาก็เยอะ เพราะประเทศไทยคนมาก จึงขอให้ทุกคนช่วยกันสนับสนุน ประชาสัมพันธ์สิ่งของที่ได้มีการผลิตขึ้นมา ซึ่งมีหลายอย่างและผมก็จะนำไปประชาสัมพันธ์ด้วย ผมน่าจะใช้ประโยชน์ได้ในเรื่องของน้ำมันใส่ผม เพราะเห็นว่าทุกคนผมดก ผมจะไปลองใช้ดูแล้วจะช่วยประชาสัมพันธ์ให้ว่าใช้แล้วหล่อขึ้น ไม่เช่นนั้นก็ทรุดโทรม ไม่ไหวถูกสื่อวิพากษ์วิจารณ์เขียนถึง แก่ลงทุกวัน ทั้งนี้ ขอให้ทุกคนช่วยกันประชาสัมพันธ์สิ่งที่ดีๆ สิ่งที่มันขัดแย้งก็ว่ากันไป ก็ขอให้นำข้อเท็จจริงมาว่ากัน ผมไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น”

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้หันมาทางผู้สื่อข่าวว่ามีอะไรสงสัยเกี่ยวกับ Bio Circular Green หรือไม่ รู้จักหรือไม่ ช่วยกันพูดหน่อยนะ อย่าพูดแต่เรื่องการเมือง ความขัดแย้งอย่างเดียวเลย พูดถึงความก้าวหน้า มีเยอะแยะ รัฐบาลมีวิสัยทัศน์อย่างไร ถ้าไม่มีวิสัยทัศน์เรื่องเหล่านี้คงไม่เกิดขึ้น นี่คือคำว่าวิสัยทัศน์ รัฐบาลเดินหน้าเช่นนี้มาโดยตลอดมันต้องคิด ไปข้างหน้า

อย่าไปคิดแต่เรื่องเดิมๆทำแต่เรื่องเดิมๆ มันก็จะได้แต่เรื่องเดิม ลดความเหลื่อมล้ำอะไรไม่ได้ แล้วอยากบอกว่าประเทศไทยเราเปลี่ยนไปตั้งแต่ปี 2520 ที่มีการปรับเปลี่ยนจากเกษตรกรรมมาเป็น เรื่องการส่งออกและเทคโนโลยี ไม่เช่นนั้นคงไม่มีคนรวยเมื่อปี 2530 หรอก ลองไปดูสิ ใครรวยเมื่อปี 2530 จากโครงการโทรคมนาคม

ผู้สื่อข่าวถามว่าช่วงนี้เข้าใจพูดเข้าใจโยง พล.อ.ประยุทธ์ หันมากล่าวว่า “ทำไม ในหัวยังมีอีกเยอะ”

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากย้อนประวัติของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะพบว่า ในปี พ.ศ. 2530 นายทักษิณลาออกจากราชการตำรวจ แล้วขายละครเรื่อง บ้านทรายทอง ซึ่งประสบความสำเร็จในโรงภาพยนตร์ ในปี พ.ศ. 2531 เข้าร่วมกับแปซิฟิกเทเลซิสเพื่อดำเนินการและจัดจำหน่ายบริการเพจเจอร์ แพ็กลิงก์ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างจำกัด

ต่อมาขายหุ้นเพื่อไปตั้งบริษัทเพจเจอร์ของตัวเอง ในปี พ.ศ. 2532 เขาเปิดบริษัทโทรทัศน์เคเบิลไอบีซี สุดท้ายบริษัทขาดทุนจนสุดท้ายรวมบริษัทกับยูทีวีของซีพีกรุ๊ป ในปี พ.ศ. 2532 ตั้งบริการเครือข่ายข้อมูล ชินวัตรดอตคอม ซึ่งปัจจุบันชื่อ แอดวานซ์ ดาต้าเน็ทเวิร์ค และมีเอไอเอสและทีโอทีเป็นเจ้าของ ธุรกิจของทักษิณหลายอย่างต่อมารวมกันเป็น “ชินคอร์เปอเรชัน”