ม.112 : “คารม” ประกาศไม่เซ็นแก้ ชี้บังคับกันไม่ได้ แม้เป็นมติพรรค “DRG” ซัดหนุนกม.กดขี่ปชช.

วันที่ 28 มกราคม 2564 นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์สดผ่านรายการ “เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand” ตอนหนึ่งจุดยืนส.ส.พรรคก้าวไกลต่อการแก้ไขกฏหมายอาญา มาตรา 112 หลังมีชื่อขอรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ว่า

“ผมไม่เซ็นครับๆ บอกผ่านสื่อได้เลยว่า ผมไม่เซนครับ ไม่ทราบคนอื่นจะเซนหรือไม่ แต่ผมไม่เซ็น และบังคับผมไม่ได้ ผมเคยงดออกเสียงในเรื่องกฏหมายโอนกำลังพลฯ แต่เมื่อพรรคมีมติผมก็มีมารยาท ผมรู้กติกา ผมรู้ระดับความรุนแรง ผมจะตอบคำถามอย่างไร ถ้าผมมาสาบานตน แล้วผมอ่านรัฐธรรมนูญผมก็เข้าใจ แล้วผมมาเซ็นแก้ไขมาตรา 112 แม้ว่า แนวความคิดทางกฏหมาย ผมก็มีความรู้อยู่บ้างว่า มุมมองเป็นแบบไหน แต่สรุปคือผมไม่เซ็น”

อย่างไรก็ตาม ภายหลังความเห็นนายคารมถูกเผยแพร่ กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (Democracy Restoration Group) ได้ออกมาโพสต์ข้อความต่อท่าทีของนายคารมว่า

การแสดงออกในการปกป้องกฎหมายอาญามาตรา 112 ของนายคารมนั้น ถือได้ว่าเป็นการสนับสนุนการกดขี่ กดหัวประชาชน เพื่อปิดปากในการแสดงออก หรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่ง มาตรา 112 นั้นถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองมาโดยตลอด และมีผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายมาตรานี้จำนวนมาก ยิ่งในช่วงหลังการยึดอำนาจของ คสช. ได้มีการขยายพระราชอำนาจของกษัตริย์ไปเกินขอบเขตประชาธิปไตย และหลักการกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ การออกมาพูดถึงสถาบันกษัตริย์ และการเรียกร้องการปฏิรูปนั้น เป็นแนวทางที่เหมาะสมในการวางตำแหน่งแห่งหนของกษัตริย์ และประชาชน ให้อยู่ร่วมกันได้ภายใต้กรอบประชาธิปไตย
.
การออกมาแสดงออกของนายคารมต่อกรณีนี้ จึงเป็นที่ชวนสงสัยว่า แท้จริงแล้วนายคารม รวมไปถึง ส.ส. ที่ได้เข้ามาเป็นผู้แทนในสภานั้น แต่กลับไปสนับสนุนให้กฎหมายที่เป็นปฏิปักษ์กับประชาชน และประชาธิปไตยสามารถดำรงอยู่ได้ ยังเป็นผู้แทนราษฎรอยู่ หรือกลายเป็นผู้แทนใครไปแล้วกันแน่ ? อีกทั้งพรรคการเมืองที่ยังสนับสนุนกฎหมายนี้ รวมไปถึงสนับสนุนการขยายพระราชอำนาจของกษัตริย์จนล้นเกินความเป็นประชาธิปไตย ยังกล้าเรียกว่าตนเองเป็นพรรคประชาธิปไตยได้อยู่หรือไม่ ? หรือเป็นเพียงพรรคที่มีเพื่อรับใช้ศักดินา กดหัวปิดปากประชาชนต่อไป