‘พิธา’ ชี้ปชช.มีสิทธิตั้งคำถามปมวัคซีนโควิด แนะ “ประยุทธ์” เลิกหัวร้อน-มีวุฒิภาวะมากกว่านี้

วันที่ 20 มกราคม 2564 เมื่อเวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีรัฐบาลเตรียมเอาผิดให้กับผู้ที่ให้ข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีน รวมถึงนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ว่า สถานการณ์วิกฤตแบบนี้สังคมเกิดความสับสน อลหม่าน ต้องเรียกร้องวุฒิภาวะนายกรัฐมนตรี รวมทั้งหลักการและเหตุผล เพราะสังคมไม่ต้องการความหัวร้อนหรือความกระฟัดกระเฟียดที่จะเบี่ยงประเด็น

นายพิธากล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าหลักการสำคัญคืองบ 4 พันกว่าล้านบาท ในการจัดหาวัคซีนเป็นงบประมาณใช่หรือไม่ ถ้าเป็นงบประมาณแสดงว่าเป็นภาษีของประชาชน ฉะนั้น ประชาชนรวมถึงนายธนาธร และตนก็มีสิทธิที่จะตั้งคำถามกับเรื่องที่มีความสำคัญกับสุขภาพและเศรษฐกิจได้หรือไม่

นายพิธากล่าวต่อว่า หลักการสำคัญในการจัดการวัคซีนมีหลายประเภท หลายชนิด มีการตรวจสอบคนละแบบ จำนวนทดสอบคนละแบบ มีเทคโนโลยีที่ต่างกัน ดังนั้น การบริหารจัดการวัคซีนก็คือความโปร่งใส การประเมินความเสี่ยง กระจายความเสี่ยง การที่หลายประเทศกระจายความเสี่ยง แต่ประเทศไทยเลือกที่จะผูกอนาคตไว้กับแอสตร้าเซนเนก้ากว่าเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ แต่บางประเทศมีหลายยี่ห้อที่ต่างกัน เพราะบางยี่ห้ออาจเหมาะกับคนบางประเภท บางอายุ แต่ประเทศไทยเลือกที่จะผูกอยู่กับเจ้าเดียว ก็มีสิทธิที่จะตั้งคำถามว่าวิสัยทัศน์ในการจัดหาวัคซีน มีการกระจายความเสี่ยงหรือไม่หรือว่าไปผูกความเสี่ยงไว้กับเจ้าใดเจ้าหนึ่ง เทคโนโลยีใดหรือผู้ผลิตใดหนึ่งหรือไม่

“เจ้าของเงินเจ้าของภาษีก็มีสิทธิที่จะตั้งคำถามได้ นายกฯก็แค่ตอบ เรื่องมันก็ควรจะจบ แต่ท่านเลือกที่จะหัวร้อน กระฟัดกระเฟียด และไม่ตอบคำถาม

“ต้องอย่าลืมว่าเราจัดการวิกฤตโควิดได้เร็วเท่าไร เศรษฐกิจก็ฟื้นเร็วเท่านั้น นายกฯและรัฐบาลควรเอาเวลาไปจัดการความสิ้นหวังที่กัดกินประชาชน ควรแก้ไขปัญหา และอธิบายต้นตอของปัญหาที่มาจากธุรกิจสีเทา บ่อน การบริหารแรงงานข้ามชาติที่ผิดพลาด

“ผมว่าตรงนี้น่าจะเรียกความมั่นใจประชาชนได้มากกว่าไปฟ้องประชาชน” นายพิธากล่าว