วัคซีนโควิด-19 : เปิดโผ 4 กลุ่มแรกรับก่อน แบบ 2 โดส ห่าง 1 เดือน “อนุทิน” โยนให้ ‘นายกฯ’ ตัดสินใจใครอาสาคนแรก

วันที่ 12 มกราคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ สธ. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 โดยมี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ปลัดกระทรวงที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โรงพยาบาลเอกชน ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์และสาธารณสุข ผู้แทนสภาวิชาชีพและองค์กรอิสระ เข้าร่วม

นายอนุทินกล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบเตรียมพร้อมการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย ด้านการบริหารจัดการวัคซีน สร้างการรับรู้ การให้บริการวัคซีน การกำกับติดตามผลการดำเนินงาน และการเฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อลดการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต การรักษาความมั่นคงของระบบสาธารณสุขและสังคม ลดการแพร่กระจายเชื้อ ความเสี่ยงผู้สัมผัส โดยวัคซีนที่จัดหามานั้น ได้มาตรฐาน คุณภาพ และได้รับการขึ้นทะเบียนกับ อย.เรียบร้อย ช่วงแรกที่วัคซีนจำกัด เป้าหมายคือการลดอัตราการป่วยและเสียชีวิต และปกป้องระบบสุขภาพประเทศ

โดยกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับอันดับต้นๆ คือ 1.บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน 2.ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง หัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็ง เบาหวาน 3.ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และ 4.เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด-19 เช่น อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ทหาร ตำรวจ จะต้องคัดกรองผู้ที่เข้ามาจากต่างประเทศและในพื้นที่ที่มีการระบาด เริ่มในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยจะฉีดคนละ 2 เข็ม ห่างกัน 1 เดือน นอกจากนี้ ได้เห็นชอบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการอำนวยการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อกำหนดนโยบายและแนวทางการให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของประเทศไทย

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ได้กำหนดการรณรงค์ให้บริการวัคซีนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-พฤศจิกายน 2564 สธ.จะเร่งสื่อสารประชาชน ให้มีความรู้ทั้งผลดีและข้อความระวัง และประสานโรงพยาบาลรัฐทุกสังกัดและโรงพยาบาลเอกชนร่วมให้บริการ และได้ให้โรงพยาบาล และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ทุกแห่ง สำรวจกลุ่มเป้าหมายล่วงหน้า เตรียมจัดบริการรองรับการฉีดวัคซีนจำนวนมาก จัดทีมบริการเคลื่อนที่ และเตรียมความพร้อมเรื่องระบบลูกโซ่ความเย็น จะมีระบบการเฝ้าระวังอาการภายหลังได้รับวัคซีน และติดตามประเมินผลการให้บริการเป็นรายเขต จังหวัด อำเภอ และพื้นที่

ต่อมา นพ.โอภาส ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ พร้อมด้วย นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการ สธ. แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อฯ ว่า ที่ประชุมเห็นชอบแผนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับคนไทย พร้อมทั้งได้ตั้งคณะอนุกรรมการอำนวยการให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยมี นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการ สธ. เป็นประธาน กำกับดูแลเรื่องเตรียมความพร้อมสถานบริการและการให้วัคซีน เป็นเรื่องใหญ่ มีรายละเอียดเยอะ ตั้งแต่การลงทะเบียน การจัดกลุ่มเสี่ยง การอบรมบุคลากร การขนส่งวัคซีนและการจัดสถานที่ช่วยเหลือ และการติดตามผลหลังการฉีด ฯลฯ รัฐบาลไม่ได้ปิดกั้นการดำเนินการของเอกชน แต่ตามหลักการต้องมีการนำเอกสารเรื่องคุณภาพ ประสิทธิภาพ ความปลอดภัยไปยื่นขออนุญาตที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก่อน แต่เมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ไม่มีใครทำ มีเพียงการแจ้งยอดว่าจะนำเข้ามาเท่าไร ซึ่งทำแบบนั้นไม่ได้

อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์เปลี่ยน มีวัคซีนจากหลายบริษัททยอยมีความสำเร็จในการทดลองเริ่มต้นในระยะที่ 3 เริ่มจดทะเบียนในต่างประเทศ และเริ่มนำผลิตภัณฑ์ และนำเอกสารหลักฐานต่างๆ มาให้ อย.พิจารณาขึ้นทะเบียน ขณะนี้มากกว่า 1 รายแล้ว ส่วนเรื่องราคาก็ปรับเปลี่ยนตามกลไกตลาด วัคซีนแต่ละตัวราคาไม่เท่ากัน แต่ของรัฐบาลที่เจรจากับแอสตราเซนากานั้น มีหลักการคือ ไม่คิดกำไร จึงได้ในราคาถูก แต่ถ้าเป็นภาคเอกชนการควบคุมราคาจะอยู่ที่กระทรวงพาณิชย์

‘อนุทิน’ ให้ ‘นายกฯ’ ตัดสินใจ ใครอาสาฉีดวัคซีนโควิดก่อน

นอกจากนี้ นายอนุทิน ยังให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว สธ. เมื่อถามถึงความพร้อมในการเป็นอาสาสมัครฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในล็อตแรก นายอนุทิน กล่าวว่า “ผมฉีดอยู่แล้ว”

ต่อข้อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะฉีดด้วยหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ถ้าท่านประสงค์จะฉีด ก็ต้องให้ท่านนำ แต่หากท่านนายกฯ บอกให้ตนลองก่อน เราก็ต้องยอมตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ต้องปกป้องผู้บังคับบัญชาก่อน

“ในเมื่อเป็นคนเห็นชอบให้ทำนโยบายวัคซีน เราสั่ง เราก็ต้องยอม เราไม่ฉีดแล้วใครจะฉีด” นายอนุทินกล่าว