“หมวดเจี๊ยบ” เย้ย “ประยุทธ์” ถ้ายังไม่ลาออก อย่าอ้างยอมถอย ชี้เล่นละครซื้อเวลา

วันที่ 22 ตุลาคม 2563 ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง กล่าวว่า แถลงการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อคืนนี้ เป็นถ้อยแถลงที่น่าผิดหวัง และไม่ได้เป็นการถอยที่แท้จริง แต่เป็นแค่การซื้อเวลาเพื่อนั่งเก้าอี้นายกฯ ต่อไปเท่านั้น เพราะถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการจะถอยจริง ๆ ก็ต้องประกาศลาออก ไปแล้ว เพราะนั่นคือข้อเรียกร้องข้อแรกของผู้ชุมนุม ทั้งยังได้รับการขานรับจากคนทั้งประเทศที่ไม่ได้ไปร่วมเดินขบวนเช่นกัน ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ อย่าคิดไปเองว่าประเทศไทยขาด พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ เพราะถึงไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ก็เชื่อว่ารัฐสภายังสามารถเดินหน้าทำงานต่อเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญและหาทางออกต่าง ๆ ให้ประเทศได้

นี่แสดงว่า แถลงการณ์ที่ท่านนั่งอ่านออกทีวีเมื่อคืนนี้ เป็นการพูดไปตามสคริปต์เพื่อแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าเท่านั้น

แต่ พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่ได้ยินเสียงที่ผู้คนเรือนแสนที่ยืนตะโกนบนท้องถนน ว่า “อาเฮียตู่ออกไป” จึงไม่ได้คิดจะลาออก ทั้ง ๆ ที่ หัวใจของปัญหาคือตัว พล.อ.ประยุทธ์ เอง แต่กลับมาทำเป็นลอยตัวอยู่เหนือปัญหา

ทั้งนี้ คนไทยส่วนใหญ่เห็นด้วยว่า ปัญหาการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ไม่ใช่ด้วยการยึดอำนาจโดยกำลังทหาร และควรใช้รัฐสภาเป็นเวทีแก้ปัญหาการเมือง แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่จำเป็นต้องนั่งเป็น นายกฯ ต่อ เพราะถึงไม่มี พล.อ. ประยุทธ์ แล้ว ก็เชื่อว่ารัฐสภาจะสามารถเดินหน้าทำงานต่อไปได้

และในเมื่อ พล.อ. ประยุทธ์ กล้าพูดว่าตนเอง เชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา ก็หวังว่า หลังจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ คงจะไม่กลืนน้ำลายตัวเองด้วยการ ยุบสภา เพื่อให้ตัวเองได้กลับมาเป็นนายกฯอีก เพราะจะยิ่งเป็นการถ่วงอนาคตของประเทศ

แล้วอย่ามาอ้างว่าต้องอยู่ต่อเพื่อแก้ปัญหาปากท้องหรือโควิด เพราะประเทศไทยยังมีคนดีและมีฝีมืออีกมากที่สามารถทำงานแทน พล.อ.ประยุทธ์ ได้ และน่าจะแก้ปัญหาได้ดีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยซ้ำ

ส่วนการที่ พล.อ.ประยุทธ์ มาพูดเอาความดีความชอบให้ตัวเองเรื่องการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ฯ นั้น ก็เพราะรู้ตัวอยู่แล้วว่าไม่สามารถฝืนใช้ ประกาศดังกล่าวต่อไปได้ เพราะถึงประกาศไปก็ไม่มีใครฟัง เยาวชนก็ไม่เชื่อจึงออกมารวมตัวกันเดินขบวนเป็นหมื่นเป็นแสนคนทุกวัน แม้แต่รัฐบาลเองก็จัดม็อบชนม็อบ ทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด แถมยังมีข้าราชการแต่งเครื่องแบบออกมายืนนำขบวนอย่างชัดเจน ทั้ง ๆ ที่ เป็นเวลาราชการ

อยากถามว่าพวกท่านไม่ต้องทำงานให้บริการพี่น้องประชาชนกันหรืออย่างไร เหตุใดจึงละทิ้งหน้าที่การงานแล้วมาเดินขบวนได้ แสดงว่านี่เป็นคำสั่งของรัฐบาลใช่ไหม

เพราะก่อนหน้านี้ มีข่าวรัฐมนตรีและบุคคลในรัฐบาลออกมาเรียกร้องให้มวลชนฝ่ายของท่านออกมาเดินขบวน ทั้ง ๆ ที่ ตนเองมีตำแหน่งสำคัญอยู่ในรัฐบาล และเป็นฝ่ายออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เองแท้ ๆ แต่กลับไม่เคารพกฎหมายหรือประกาศที่ตนเองเป็นคนออกคำสั่ง โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้ห้ามปราม

แถมยังมีข้าราชการออกมาเดินนำขบวน แสดงว่ารัฐบาลต้องไฟเขียว ไม่อย่างนั้นข้าราชการคงไม่กล้ากระทำเช่นนี้ ทำให้ประชาชนทั่วไปตั้งคำถามว่ารัฐบาลจัดม็อบชนม็อบแบบนี้ มันเหมาะสมหรือไม่

แล้วก็อย่าอ้างว่าเป็นการเดินขบวนในต่างจังหวัด ซึ่งอยู่นอกพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เพราะก็มีการรวมตัวและเคลื่อนไหวในพื้นที่ กทม. ด้วย ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ทั้งหมดคือขบวนการเดียวกัน เพียงแต่แยกกันเคลื่อนไหวแบบดาวกระจายเช่นเดียวกับม็อบ แสดงว่า รัฐบาลก็ไม่ได้เคารพกฎหมายที่ตนเองประกาศออกมาเช่นกัน

ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จึงรู้ตัวว่าต้องยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เพราะถึงจะคงประกาศฉบับนี้ไว้ ก็ไม่สามารถบังคับใช้ได้จริง เนื่องจาก ขณะนี้ ประชาชนทุกฝ่ายมองเห็นประกาศดังกล่าว เป็นเพียง“ทิชชู่เปียก” ที่ไมีความศักดิ์สิทธิ์ และไม่มีใครเชื่อฟัง

สุดท้าย พล.อ. ประยุทธ์ ก็เลยต้องรีบชิงออกมาพูดตัดหน้าว่าจะยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ก่อนถูกศาลสั่งให้ยกเลิก เพราะเป็นการออกคำสั่งโดยมิชอบมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ต้องมาลำเลิกบุญคุณว่า การยกเลิกประกาศสถานการณ์ คือการถอยของท่าน เพราะที่จริงแล้ว ท่านถูกบีบให้เลิก จึงไม่มีทางเลือกต่างหาก

ที่สำคัญ การถอยอย่างเดียวที่คนไทยส่วนใหญ่ต้องการจาก พล.อ.ประยุทธ์ คือ การลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทันทีสถานเดียวเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่น ๆ คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ปล่อยให้รัฐสภาเดินหน้าแก้ไขต่อไป แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่จำเป็นต้องนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีต่อไป.