นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.)กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกเดือนสิงหาคม 2563 มีมูลค่า 20,212 ล้านเหรียญสหรัฐ ลบ 7.94% นำเข้ามีมูลค่า 15,863 ล้านเหรียญสหรัฐ ลบ 19.68% ได้ดุลการค้า 4,349 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ รวม 8 เดือนแรกปี 2563 การส่งออกมีมูลค่า 153,375 ล้านเหรียญสหรัฐ ลบ 7.75% นำเข้ามีมูลค่า 134,981 ล้านเหรียญสหรัฐ ลบ 15.31% ได้ดุลการค้า 18,394 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ เดือนสิงหาคม เมื่อหักสินค้าเกี่ยวกับน้ำมัน ทองคำ และอาวุธ ลบ 14.11% และรวม 8 เดือนแรกปีนี้ลบ 9.68%

” ซึ่งการที่มูลค่าการส่งออกแตะระดับ 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และเป็นการฟื้นตัวต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ถือเป็นการสะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ผลจากหลายประเทศปลดล็อก เพิ่มการจ้างงาน และมีมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องจากธนาคารกลางทั่วโลก ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกของไทยเดือนสิงหาคม 2563 กลับมาแตะเหนือระดับ 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และเป็นการฟื้นตัวต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 “นางสาวพิมพ์ชนก กล่าว

นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวว่า สินค้าที่ขยายตัวได้ดีแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1. สินค้าอาหารเช่น ข้าวพรีเมียม ข้าวกล้อง ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง น้ำมันปาล์ม ทูน่ากระป๋อง สุกรสดแช่เย็นแช่แข็ง สิ่งปรุงรสอาหาร และอาหารสัตว์เลี้ยง 2.สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน (Work from Home) และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ยังคงขยายตัว เช่น เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ตู้เย็นและตู้แช่แข็ง เครื่องซักผ้า และโซลาร์เซลล์ 3. สินค้าเกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด เช่น ถุงมือยาง ซึ่งขยายตัวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่มีการแพร่ระบาด เป็นต้นมา โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศคู่ค้าที่มีอัตราการแพร่ระบาดสูงอย่างสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร ซึ่งพบว่ามีสัดส่วนกว่า 1.1% ของมูลค่าส่งออกรวม สัดส่วนสูงกว่าส่งออกไก่ ปลาทูน่ากระป๋องแล้ว เชื่อว่าจะเป็นสินค้าอนาคตดีต่อเนื่องอีก 2-3 ปี รวมถึงการส่งออกทองคำขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่องจากปัจจัยด้านราคา ตามความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย และพบว่ายังขยายตัวสูงกว่า 50% ส่วนในด้านตลาดส่งออกส่วนใหญ่ติดลบ ยกเว้น ตลาดสหรัฐฯ ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง 15.1%

นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวว่า สำหรับทิศทางการส่งออกในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ ยังต้องติดตามการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซ้ำอีกรอบ ซึ่งหลายประเทศเริ่มปิดพื้นที่ระบาดในเขตหรือเมือง ประกอบกับเข้าเทศกาลหยุดยาว ฉลองคริสมาสตร์และปีใหม่ ซึ่งเดิมนั้นกำลังซื้อเพื่อสต็อกจะเริ่มเห็นก่อนหยุดยาว 2 เดือนแต่ปีนี้สถานการณ์โควิด-19 ยังไม่อาจระบุได้ชัดเจน และปลายปีคำสั่งซื้อจะแผ่วลงตามปกติ ดังนั้น การส่งออกที่เหลืออาจติดลบได้สูง แต่อย่างไรก็ตามยังคาดการณ์ทั้งปีนี้ติดลบ 8% และหากการส่งออกเฉลี่ยต่อเดือนยังอยู่ที่ 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ก็จะติดลบ 5-6%