บก.ลายจุด แนะ อดีตกปปส.-กระทิงแดง อย่าอ้างอาชีวะทำเสียชื่อเสียง ยันหากเกิดเหตุรุนแรงรัฐต้องรับผิด

บก.ลายจุด ฉลองกินแมคท่าแพ กลางเมืองเชียงใหม่ หลังศาลยกฟ้องคดี ม. 116 ต้านรัฐประหาร คสช. พร้อมให้กำลังใจ-สนับสนุนนักศึกษา ขับไล่ “ลุงตู่” แนะถอดบทเรียน-ออกแบบเคลื่อนไหว วอนอดีต กปปส.-กระทิงแดง อย่าแอบอ้างอาชีวะ ชี้สร้างความเสื่อมเสีย บอกไม่มีมือที่ 3 จุดชนวนความ รุนแรง มีแต่คู่ขัดแย้งจากรัฐ-ผู้มีอำนาจ เชื่อไม่สามารถควบคุมเคลื่อนไหว แนวระนาบได้

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 2 สิงหาคม 2563 ที่ร้านแมคโดนัลด์ ตรงข้ามข่วง ท่าแพ กลางเมืองเชียงใหม่ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้เลี้ยงฉลองกรณีศาลยกฟ้องคดี ม.116 ฐาน ยุยงปลุกปั่น และต่อต้านรัฐประหารการยึดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม หรือ 3วันที่ผ่านมา เพื่อแสดงความขอบคุณนักเคลื่อนไหวประชาธิปไตยที่สนับสนุนและให้กำลังใจมาตลอด มีนายองอาจ ตันธนาสิน แกนนำกลุ่มประชาธิปไตยจังหวัดเชียงใหม่ นายธนาธร วิทยเบญจางค์ นายประสิทธิ์ ครุธาโรจน์ นายวิธญา คลังนิล แกนนำนักศึกษาเชียงใหม่ ที่เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออก ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ และแก้รัฐธรรมนูญ พร้อมเสื้อแดง ประชาชน และนักศึกษาเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 200 คน มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและการข่าว กว่า 10หน่วยงาน สังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด ท่ามกลางฝนตก ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง

นายสมบัติ กล่าวว่า ศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว หลังต่อต้าน คสช.เมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา ถือว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวกระทำด้วยความบริสุทธิ์ ไม่ได้ละเมิดกฎหมาย วันนี้เลยมาฉลองกับเพื่อนที่เชียงใหม่ ซึ่งใช้งบกว่า 10,000 บาทหลังจากนี้ คงให้กำลังใจนักศึกษาหรือคนรุ่นใหม่ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อบ้านเมือง ส่วนผู้ที่เคยเคลื่อนไหวทางการเมืองควรออกมาเพื่อสนับสนุนการเคลื่อนไหวนักศึกษา เพื่อไม่ให้โดดเดี่ยว เพราะมีผู้ใหญ่บางคนมีปฏิกริยาไม่เห็นด้วยกับที่นักศึกษาเคลื่อนไหวดังกลา่าว

“กิจกรรมดังกล่าว ไม่ใช่มีเฉพาะนักศึกษาหรือคนรุ่นใหม่ แต่มีประชาชนที่มีอายุ 30-70 ปีเข้าร่วมกิจกรรม และอยากให้จัดกิจกรรมต่อไป เพราะน้อง ๆคิดเองได้ หลังดำเนินกิจกรรมแล้ว ควรถอดบทเรียน และออกแบบให้เหมาะกับการชุมนุมเคลื่อนไหว ช่วงแรกอาจมีจุดอ่อนบ้าง ทำไปสักระยะก็สามารถเรียนรู้ได้ว่ากระบวนการ หรือวิธีทำควรเป็นอย่างไร ขอให้กำลังใจน้อง ๆ”นายสมบัติ กล่าว

นายสมบัติ กล่าวถึงการจัดตั้งคณะประชาชนปลดแอก ว่า เป็นคู่ขนานคณะเยาวชนปลดแอก เพื่อขยายกลุ่มและมีตัวแทนหลายกลุ่ม เป็นวิวัฒนการเคลื่อนไหว มีจุดเริ่มต้นโดยเยาวชน ตามด้วยประชาชน และสังคมตามลำดับ เพราะบ้านเมืองไม่ใช่เรื่องคนใดคนหนึ่ง เป็นเรื่องของคนทุกคน ส่วนกลุ่มอาชีวะที่ออกมาคัดค้านนั้น ไม่เห็นเด็กอาชีวะ แต่เป็นผู้ปกครองอาชีวะมากกว่า ที่เป็นอาชีวะจริง ส่วนใหญ่สนับสนุนประชาธิปไตย เพื่อแย่งชิงมวลชน ดังนั้นไม่ควรบิดเบือน หรือแอบอ้างเป็นอาชีวะ เพราะอาชีวะเป็นคนรุ่นใหม่ รับรู้และเข้าใจสถานการณ์บ้านเมืองมากกว่า อยากให้ผู้เคลื่อนไหวใช้กลุ่มของตัวเอง อาจเป็นอดีต กปปส. หรือกระทิงแดง กอ.รมน.และลูกเสือชาวบ้าน ไม่ควรแอบอ้างอาชีวะ ทำให้เกิดความเสื่อมเสียมากกว่า

“การชุมนุมเคลื่อนไหวนักศึกษา ส่วนตัวเชื่อว่ายังไม่สุกงอมในระยะอันใกล้ต้องรอดูอย่างต่ำ 3-6 เดือน ว่ามีทิศทางอย่างไร เพื่อสื่อสารไปยังรัฐบาลและผู้มีอำนาจ เกี่ยวกับข้อเรียกร้องต่าง ๆ อีกด้านเป็นการสื่อสารแนวระนาบเพื่อสื่อสารกับคนรุ่นเดียวกัน ถ้าเห็นด้วยกับพวกเขา ก็ให้ออกมาเคลื่อนไหวเยาวชนที่ออกมาเคลื่อนไหว เป็นกลุ่มที่ถึงจุดเดือดแล้ว ดังนั้นต้องใช้เวลากว่าคนรุ่นใหม่ถึงจุดเดือดพร้อมกัน เพื่อนำไปสู่ภาวะสุกงอม” สมบัติ กล่าว

ผู้สื่อข่ามถาม กรณีอาจมีมือที่ 3 เคลื่อนไหวเพื่อจุดชนวนความขัดแย้งก่อนนำไปสู่ความรุนแรงในอนาคตหรือไม่ นายสมบัติ กล่าวว่า มือที่ 3 ไม่มีจริงมีแต่คู่ขัดแย้ง ไม่ต้องคิดถึงมือที่ 3 เป็นมือที่ 2 แน่นอน หากเกิดเหตุการณ์รุนแรงกับนักศึกษา รัฐต้องรับผิดชอบ เพราะคู่ขัดแย้งคือรัฐ และผู้มีอำนาจในปัจจุบัน

“ส่วนการดำเนินคดี 4 แกนนำนักศึกษาเชียงใหม่ ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ในสังคมเผด็จการ ถือเป็นประกาศนียบัตรรับรอง เพราะการชุมนุมถือเป็นเรื่องพื้นฐานทางการเมือง ไม่ว่าสีเสื้อใด มีผู้ถูกดำเนินคดีหลายหมื่นคน ส่วนผู้ที่ถูกติดตามความเคลื่อนไหว หรือถูกคุกคาม ถือเป็นคนที่มีบทบาททางการเมืองซึ่งรัฐต้องการควบคุมแกนนำไม่ให้เคลื่อนไหว แต่รัฐลืมไปว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าว เป็นการเคลื่อนไหวแนวระนาบ ที่ไม่สามารถควบคุมนักศึกษาและประชาชนได้ทุกคน พร้อมจะผุดหรือออกมาเคลื่อนไหวตลอดเวลา” นายสมบัติ กล่าวตอนท้าย