ผู้เชี่ยวชาญชี้ “รัสเซีย-จีน” เร่งสปีดพัฒนาขีปนาวุธนิวเคลียร์เร็วเหนือเสียง

วันที่ 30 กรกฎาคม 2563 เว็บไซต์ข่าวความมั่นคงอย่่าง Military.com รายงานว่า การแข่งขันพัฒนาอาวุธระหว่าง 3 ชาติมหาอำนาจระหว่างรัสเซีย สหรัฐฯและจีน ที่เป็นไปอย่างเข้มข้น ล่าสุดการพัฒนาขีปนาวุธ 2 ชาติมหาอำนาจเริ่มแซงหน้าสหรัฐฯแล้ว โดยวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า รัสเซียใกล้จะได้ติดตั้งขีปนาวุธหัวรบนิวเคลียร์ความเร็วเหนือเสียง หรือไฮเปอร์โซนิค ไว้กับกองทัพเรือรัสเซีย โดยประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวระหว่างการสวนสนามของกองเรือประจำปี ปูตินยังไม่เปิดเผยว่าจะติดตั้งขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงเมื่อไหร่ แต่กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า ขีปนาวุธอยู่ในการทดสอบขั้นสุดท้ายแล้ว

ปูตินกล่าวว่า การนำเทคโนโลยีดิจิตัลขั้นสูงอย่างกว้างขวางจนทำให้โลกไม่เท่าเทียม รวมถึงระบบโจมตีแบบความเร็วเหนือเสียงและโดรนใต้น้ำจะทำให้กองทัพมีความได้เปรียบอย่างสูงและเพิ่มศักยภาพในการสู้รบ

ด้านข้อมูลของดร.มาร์ค เลวิส ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและวิศวกรรมเพื่อศักยภาพป้องกันประเทศของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯกล่าวว่า จีนเองก็มีพัฒนาการด้านการวิจัยความเร็วเหนือเสียงที่ก้าวหน้าเช่นกัน โดยเมื่อตุลาคมปีที่แล้ว ในช่วงการสวนสนามของกองทัพจีนเนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปีของการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน ก็มีรถลำเลียงจรวดรุ่น DF-17 ขีปนาวุธหัวรบนิวเคลียร์ความเร็วเหนือเสียง ร่วมในขบวนสวนสนามด้วย

ดร.เลวิสกล่าวว่า ทั้งจีนและรัสเซียต่างได้เปรียบจากการใช้ความล้ำสมัยของสหรัฐฯในเทคโนโลยีความเร็วเหนือเสียงที่เรียกว่าเป็น “ตัวเปลี่ยนเกม” และยังกล่าวด้วยว่า เทคโนโลยีสเตลท์ที่มีอยู่ในเครื่องบินรบและทิ้งระเบิดที่เรียกว่าติดตามได้ยากแล้ว ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงที่เดินทางด้วยอัตราเร่งถึง 5 มัค นั้น เรียกได้ว่า อาจสายเกินกว่าจะได้ทำอะไร

นอกจากนี้ ดร.เลวิสกล่าวว่า ครั้งหนึ่งสหรัฐฯเคยเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีความเร็วเหนือเสียง แต่ตำแหน่งดังกล่าวได้หลุดจากมือสหรัฐฯไปแล้ว

“ยังมีปัจจัยของความเชื่อมั่นเกินเหตุด้วย เพราะเรานำหน้ามาไกลเกิน เราได้ทำการบ้านไว้แล้ว (จีนและรัสเซีย) เราพัฒนามันขึ้น แต่แล้ว เราก็เหมือนเอาเท้าออกจากแก๊ส เราไม่ฟังเสียงคำชี้แนะของเราเอง แล้วมาตอนนี้ เราตกอยู่ในสถานการณ์ต้องแข่งขัน 3 เส้าอย่างแท้จริง และผลที่เกิดขึ้นคือ จีนก็ไม่อายที่จะแสดงให้ดูถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีความเร็วเหนือเสียง นั้นทำให้เราต้องเปิดตามองกว้างๆไว้” ดร.เลวิส กล่าว