ส.ส.ภูมิใจไทย ยัน กมธ.รับฟัง น.ศ.ไม่ปาหี่-มีเจตนาดี ไม่อยากให้ประเทศพบทางตัน

ส.ส.ภูมิใจไทย ยัน กมธ.รับฟัง น.ศ.ไม่ปาหี่-มีเจตนาดี ไม่อยากให้ประเทศพบทางตัน

เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ รับฟังความเห็นของนักเรียน นิสิต และนักศึกษา สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการทำงานของ กมธ.ที่จะลงพื้นที่ไปรับฟังความเห็นของนักศึกษาที่มาชุมนุมทางการเมือง ว่าเบื้องต้นเรากำลังประสานไปที่แกนนำกลุ่มนักศึกษาบางส่วนแล้ว ซึ่ง กมธ.จะประชุมกันในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ โดยเราจะเสนอในที่ประชุมให้ตั้งอนุกรรมาธิการ 2 ชุด เพื่อแยกกันออกไปลงพื้นที่รับฟังความเห็นนักศึกษาทั่วประเทศ หากสมาชิกท่านใดสะดวกพื้นที่ไหนก็สามารถลงพื้นที่ได้เลย เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็วที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามถึงแนวทางการทำงานของ กมธ.ภายหลังเก็บรวบรวมความเห็นนักศึกษาทั้งหมดแล้ว นายสิริพงศ์กล่าวว่า กมธ.ชุดใหญ่จะเน้นเรื่องนักศึกษาที่ถูกดำเนินคดีว่าได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ พร้อมให้คำแนะนำในแต่ละจังหวัด ทั้งเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัยในการชุมนุม และการควบคุมโรค นอกจากนี้เมื่ออนุ กมธ.รวบรวมความเห็นส่งมาให้ กมธ.ชุดใหญ่แล้ว เราจะพูดคุยกันว่าจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใดเข้ามาช่วยแก้ปัญหาได้เร็วที่สุด ยกตัวอย่างเช่น เราจะนำข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของนักศึกษาส่งต่อให้ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาหลักเกณฑ์และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 สภาผู้แทนราษฎร

ผู้สื่อข่าวถามว่า กมธ.รับฟังความเห็นนักศึกษาจะทำงานซ้ำซ้อนกับ กมธ.ศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายสิริพงศ์กล่าวว่า เดิมทีการตั้ง กมธ.รับฟังความเห็นนักศึกษา เราตั้งใจจะให้กลุ่มนักศึกษาเข้ามาเป็น กมธ.ด้วย เมื่อสภาผู้แทนราษฎรมีมติให้ตั้ง กมธ.ชุดนี้ แม้ฝ่ายค้านจะไม่ส่งชื่อเข้ามานั่งใน กมธ. เราก็จำเป็นต้องทำงานกันต่อไป ต้องยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นผิดไปจากความตั้งใจเดิมของเรา ที่ต้องการให้กลุ่มนักศึกษาเข้ามาร่วมด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า แกนนำกลุ่มเยาวชนปลดแอก หรือ Free YOUTH ระบุว่าการตั้ง กมธ.รับฟังความเห็นนักศึกษาคือปาหี่ และเป็นกันชนให้กับทางรัฐบาล นายสิริพงศ์กล่าวว่า “ผมคิดว่าหน้าที่ของผมไม่ได้เป็นกันชนให้รัฐบาล เพราะผมทำงานในหน้าที่ของ ส.ส. ส่วนรัฐบาลก็มีกันชนของเขาอยู่แล้ว เราทำงานกันด้วยความบริสุทธิ์ใจ อยากหาทางออกให้นักศึกษา ไม่ให้พวกเขาไปเจอกับทางตัน ผมเข้าใจว่าพวกเขาต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง แต่เราไม่อยากให้ใครก็ตามไปชักนำเขาให้เดินไปสู่ทางตัน และไม่อยากให้ประเทศไปสู่ทางตันด้วย”

นายสิริพงศ์กล่าวต่อว่า ตนคิดว่าการพูดกันคนละเวทีจะทำให้รับข้อมูลไม่ครบถ้วนและไม่ถูกต้อง และการที่จะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจำเป็นที่จะต้องมานั่งพูดคุยกันในรายละเอียด ให้มาเห็นกติกาเดียวกันถึงจะเป็นทางออกของสังคม หากแต่ละคนถือกันคนละกติกา ก็จะเจอทางออกยากมาก ทั้งนี้ เราอยากจะขอวิงวอนว่าอย่าเพิ่งมีธง เพราะถึงอย่างไรก็ดีการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่ว่าแก้วันเดียวหรือเดือนเดียวเสร็จ หากอยากแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายจำเป็นจะต้องฟังทั้งคนที่เห็นต่างและคนที่เห็นด้วย ฉะนั้นเราจึงไม่ใช่กันชนของรัฐบาล และไม่มีความคิดที่จะมาถ่วงเวลา

“ที่ผ่านมาเราไม่เคยเห็นว่าการต่อสู้ด้วยการประจันหน้าจะจบด้วยความสงบสักครั้งเดียว เราไม่อยากให้ประเทศไทยกลับไปวนอยู่ในวังวน แบบที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์อีก” นายสิริพงศ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เป้าหมายสูงสุดการทำงานของ กมธ.ชุดนี้คืออะไร นายสิริพงศ์กล่าวว่า อยากหาทางออกให้สังคมได้ร่วมกัน ตนย้ำว่า กมธ.ชุดนี้ผิดจากเจตนารมณ์ที่เราตั้งครั้งแรก ที่อยากให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม แต่เมื่อไม่ได้มาร่วมทั้งหมดก็ต้องยอมรับว่ามีความเสียใจ และก็ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดอยู่ดี

ผู้สื่อข่าวถามว่า แกนนำกลุ่มเยาวชนปลดแอกยืนยันว่าจะเคลื่อนไหวจนกว่าจะบรรลุข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ นายสิริพงศ์กล่าวว่า เราไม่ได้ขอให้นักศึกษายุติการชุมนุม เราเพียงจะไปฟังความเห็นของพวกเขาเท่านั้น