เสธ.แมว ซัดรบ. ตั้งงบซ้ำเติมวิกฤต ปล่อยชื่อครม.ใหม่ก็ถูกยี้ ทำคนสิ้นหวัง จนอยากลุกฮือ

เสธ.แมว ซัดรบ. ตั้งงบซ้ำเติมวิกฤต ปล่อยชื่อครม.ใหม่ก็ถูกยี้ ทำคนสิ้นหวัง จนอยากลุกฮือ

เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พล..ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ผลงานบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลสืบทอดอำนาจ 6 ปีเศษที่ผ่านมา ใช้งบประมาณไปกว่า20ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นงบขาดดุลปีละกว่า5 แสนล้านบาท แต่ผลงานที่ประจักษ์ต่อสายตาประชาชน คือการสอบตก พาประเทศสู่วิกฤติการณ์อย่างไม่เคยปรากฎมาก่อนและเมื่อมาประสบกับวิกฤติโควิด-19 กระหน่ำซ้ำเติม ทำให้ทุกฝ่ายวิตกกังวลว่า รัฐบาลนี้จะนำพาประเทศไปในทิศทางใด แต่เมื่อได้ฟังการอภิปรายเนื้อหาสาระร่างงบประมาณปี 64 ของสภาผู้แทนราษฏรที่เพิ่งผ่านพ้นไป มันเริ่มมีลางสังหรณ์ว่า รัฐบาลสืบทอดอำนาจนี้ จะไม่สามารถนำพาประเทศรอดพ้นจากวิกฤติใหญ่นี้ไปได้ ซ้ำร้ายจะกลายเป็นผู้สร้างวิกฤติซ้อนวิกฤติซ้ำเติมจนลากประเทศไปสู่สภาวะล้มละลายอีกด้วย เพราะ 6 ปีที่ผ่านมามีบทพิสูจน์ชัดเจนว่า ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลสืบทอดอำนาจดีแต่สร้างหนี้ หารายได้ไม่เป็น จนไม่หลงเหลือเครดิตของการสร้างความเชื่อมั่น ทำให้นักธุรกิจทั้งไทยและเทศ ต่างก็ชะลอการลงทุนกันหมด การปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ทีมเศรษฐกิจ จึงมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ยิ่งปรับช้า เศรษฐกิจจะยิ่งพัง เพราะไม่มีแรงขับเคลื่อน ข้าราชการต่างวางเฉย รอจับตาว่า ใครจะมาเป็นรัฐมนตรี เจ้านายคนใหม่

แต่รายชื่อครม.ชุดใหม่ที่ปรากฏเป็นข่าว กลับทำให้ประชาชนสิ้นหวังหนักเข้าไปอีก สถานการณ์ความแร้นแค้นของบ้านเมืองที่ผ่านมาจวบจนปัจจุบัน ทำให้ประชาชนตาสว่างชัดแจ้งว่า ถ้าขืนปล่อยให้กลุ่มคนสืบทอดอำนาจนี้เถลิงอำนาจกันอย่างไม่รู้จบ ประเทศจะเข้าสู่สภาวะฉิบหายล้มละลายอย่างแน่นอน และด้วยการใช้อำนาจอย่างอำมหิต ไร้ยางอาย ไร้สำนึกสปิริต ของรัฐบาลสืบทอดอำนาจ ซ้ำด้วยการใช้อำนาจที่ไม่เป็นนิติธรรมขององค์กรอิสระที่ไม่เป็นอิสระ ทำให้ผู้แทนราษฎรอ่อนแรง มิอาจสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้ ดังนั้น จึงถึงคราวที่ประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยตัวจริง จำต้องลุกฮือมาแสดงบทผู้นำของการเปลี่ยนแปลง ในเวลาอันใกล้นี้  ไม่มีใครยินยอมให้ประเทศต้องมาล้มละลายต่อหน้าต่อตาพวกเขาแน่นอนพล..ภราดร กล่าว