‘วรวัจน์’ แนะ รัฐบาลอนาคตเศรษฐกิจไทย หลังโควิด-19 อย่ามองแค่เศรษฐกิจฐานราก

‘วรวัจน์’ แนะ รัฐบาลอนาคตเศรษฐกิจไทย หลังโควิด-19 อย่ามองแค่เศรษฐกิจฐานราก

วรวัจน์ แนะ รัฐบาลคิดเปิดอนาคตเศรษฐกิจประเทศไทย หลังยุคโควิด-19 อย่ามองแค่ ศก.ฐานราก ให้คิดต่อยอดด้วย

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล กรรมาธิการ (กมธ.) งบประมาณ และคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า เปิดอนาคตเศรษฐกิจประเทศไทย บนพื้นฐานศักยภาพ ทรัพยากรกันดีกว่า เพราะหลังยุคโควิด-19 รูปแบบหน้าตาระบบเศรษฐกิจไทย เปลี่ยนแปลงไปแน่นอน อยู่ที่ว่า ใครจะมองเห็นอย่างไรก่อนกัน ซึ่งยังน่าเป็นห่วงที่รัฐบาลในปัจจุบัน มองไปที่การใช้งบประมาณถึง 4 แสนล้านบาท ไปที่การกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก คือ ด้านการเกษตรและ ผลิตภัณฑ์ชุมชนเป็นหลัก แต่ยังไม่ต่อยอดให้สมบูรณ์ เพราะในปัจจุบัน การทำการค้าส่งออกระหว่างประเทศนั้น การใช้ เทคโนโลยีดิจิตอลก็เริ่มมีส่วนสำคัญมากขึ้น ถ้ารัฐบาลจะคิดว่าการหวังพึ่งพิง แพลตฟอร์มของต่างชาติจะเป็นการช่วยเหลือคนไทยแล้วก็เป็นที่น่าหวั่นวิตกว่า สักวันหนึ่งด้วยศักยภาพของต่างชาติ ที่ทุ่มเทงบประมาณมหาศาล ไปที่การส่งเสริมงานวิจัยที่มีเป้าหมาย ด้านการพัฒนา ความแข็งแกร่งด้านเศรษฐกิจ ที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงอย่างชัดเจนนั้น จะกลายเป็น เครื่องมือที่ใช้ในการครอบงำระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย และน่าเป็นห่วงว่าเมื่อถึงวันนั้นคนไทยก็จะเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขตทางเศรษฐกิจไปอย่างไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตาม วันหนึ่งประเทศไทย ก็ควรจะต้องมีการพัฒนา แพลตฟอร์ม ของตนเองขึ้นในหลายระบบเช่น การ พัฒนาแพลตฟอร์มจาก สตาร์ทอัพพื้นฐานขึ้นเป็นระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้ในการเก็บข้อมูล และถ่ายทอดเทคโนโลยีทางด้านการเกษตร การแปรรูปและอุตสาหกรรมการเกษตรอาหาร การค้าระหว่างประเทศ ระบบโลจิสติกส์กลาง ระบบการเงิน การจัดระบบการถ่ายทอดองค์ความรู้ทางการศึกษา การพัฒนา การเชื่อมโยงระบบการท่องเที่ยวไทย เข้ากับนักท่องเที่ยวนานาชาติ และที่ขาดไม่ได้ก็คือการพัฒนาระบบ สุขอนามัยและการแพทย์ซึ่งจะนำมาซึ่งการวางระบบดูแล ความปลอดภัยจากโรคระบาดต่างๆที่คุกคามอยู่ในปัจจุบันด้วย

นายวรวัจน์ กล่าวว่า สำหรับอุตสาหกรรมอนาคตนั้น นอกจากอุตสากรรมเทคโนโลยีดิจิตอลที่ใช้เป็นพื้นฐานในการเชื่อมโยงระบบ เศรษฐกิจทุกระบบเข้าด้วยกันแล้ว อุตสาหกรรมอาหารของไทยก็น่าจะมีการส่งเสริมเพราะแนวโน้มน่าจะเติบโต และมีอนาคตอย่างยิ่งเพราะประเทศไทยสามารถควบคุมไวรัสโควิดได้เป็นอย่างดีในขณะที่ต่างประเทศต้องปิดตัวโรงงานอาหารไปเป็นจำนวนมากเพราะไม่สามารถควบคุมการปนเปื้อนเชื้อโควิดในระบบการผลิตได้ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่พัฒนาร่วมกับระบบสุขอนามัยและการแพทย์ ก็จะดึงดูดให้ประชากรโลกที่ เลี่ยงการระบาดของไวรัสโควิดช่วงหน้าหนาวก็จะมาพักผ่อนที่ประเทศไทยด้วยความเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขและการเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามระดับโลกของไทย นอกจากนี้ ประเทศไทยก็ควรจะต้องมีการเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ และเครื่องจักรกลขึ้นมาใช้ภายในประเทศด้วย อันที่จริงยังมีอุตสาหกรรมอีกหลายด้านที่เกี่ยวพันกับศักยภาพของประเทศไทยก็คืออุตสาหกรรมจากความหลากหลายทางชีวภาพ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวพันกับพื้นที่ทะเลและมหาสมุทร การใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ เป็นเครื่องมือในการเร่งพัฒนาประเทศ
รอบนี้เป็นแนวโน้มที่ประเทศไทยควรจะต้องพัฒนาให้เกิดโดยเร็ว มิเช่นนั้นการมองเพียงแค่การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และด้านการเกษตรโดยไม่ต่อยอดให้กับคนไทยก็จะเป็นการเสียโอกาสอย่างยิ่งของประเทศในอนาคต