สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 ที่อิตาลียังคงไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตภายในประเทศอิตาลีเพียงประเทศเดียวเพิ่มขึ้นทะลุ 10,000 รายแล้ว

โดยมีการเพิ่มขึ้นของผู้เสียชีวิต 889 รายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นของการเสียชีวิตที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในอิตาลีเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตในอิตาลีขณะนี้อยู่ที่ 10,023 ราย

ด้านผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันแล้วในอิตาลีเพิ่มขึ้นอีกราว 6,000 คน จนยอดผู้ติดเชื้อรวมอยู่ที่ 92,472 คน ซึ่งถือว่าสูงที่สุดเป็นอันดับสองรองจากสหรัฐ

เจ้าหน้าที่ของอิตาลีระบุว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อจะเลวร้ายกว่านี้มาก หากไม่ได้มีการประกาศบังคับใช้มาตรการปิดประเทศ อย่างไรก็ดีดูจากแนวโน้มของตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเช่นนี้ทำให้เชื่อว่า น่าจะมีการขยายเวลาปิดประเทศจากเดิมที่จะครบกำหนดในวันที่ 3 เมษายน หรือปลายสัปดาห์หน้าออกไปอีก

ส่วนที่สหรัฐ เมื่อวันที่ 28 มีนาคมตามเวลาท้องถิ่น มีรายงานผู้เสียชีวิต 2,147 คนแล้ว เป็นการเพิ่มขึ้นของผู้เสียชีวิตหนึ่งเท่าหลังจากที่สหรัฐได้ประกาศว่ามีผู้เสียชีวิตถึง 1,000 รายเมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา หรือเพียง 2 วันก่อนหน้านี้

สหรัฐยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดในโลกคือมีการยืนยันผู้ติดเชื้อแล้วอย่างน้อย 122,666 ราย ซึ่งเป็นการนับจำนวนผู้ติดเชื้อเฉพาะกรณีของผู้ที่มาตรวจสอบผ่านระบบสาธารณสุขเท่านั้น

ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตทั่วโลกในปัจจุบันอยู่ที่ 30,780 คนโดยรองจากอิตาลีคือสเปน 5,982 จีน 3,299 อิหร่าน 2,517 ฝรั่งเศส 2,314 สหรัฐ 2,147 และอังกฤษ 1,019

ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดใน CCSE เมื่อเวลา 09.36 น. มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกอยู่ที่ 663,828 คน สหรัฐยังพบผู้ติดเชื้อมากที่สุด 124,217 ตามด้วยอีตาลี 92,472 จีน 82,009 สเปน 73,235 เยอรมนี 57,695 ฝรั่งเศส 38,105 อิหร่าน 35,408 อังกฤษ 17,312 และสวิตเซอร์แลนด์ 14,076

ส่วนยอดผู้ติดเชื้อที่หายจากอาการป่วยแล้วอยู่ที่ 139,426 คน