‘วิษณุ’ชี้ อภินิหารก.ม.บี้ภาษีหุ้นชินคอร์ป เป็นช่องที่สมควรเสี่ยง-ปัด มั่นใจว่าชนะ

รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฏหมาย เผยขั้นตอนเรียกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปใหม่จากนายทักษิณ ชินวัตร ต้องออกใบประเมินภายใน 31 มี.ค.นี้ ก่อนเริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่วันยื่นใบประเมิน ระบุเรื่องนี้เป็นอภินิหารทางกฏหมายที่เจอช่องทางที่สมควรจะเสี่ยงในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ โดยทุกอย่างขึ้นอยู่กับศาลที่จะตัดสินเป็นบรรทัดฐานในอนาคต เพราะแม้แต่กรมสรรพากรก็บอกไม่ได้ว่าถูกหรือผิด

(15 มี.ค.) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฏหมาย กล่าวถึงความคืบหน้าถึงขั้นตอนการเรียกเก็บภาษีกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีขายหุ้นของบริษัท ชินคอร์ปเปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) ว่า ในวันนี้นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร ได้มารายงานขั้นตอนในการออกใบประเมินภาษีซื้อขายหุ้นชินคอร์ปฯ ของนายทักษิณ ซึ่งต้องดำเนินการภายใน 31 มีนาคมนี้ และการนับอายุความใหม่ 10 ปี จะเริ่มนับใหม่นับตั้งแต่วันที่แจ้งใบประเมินภาษีกับนายทักษิณ รวมถึงนายทักษิณมีสิทธิ์ขออุทธรณ์ภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับการแจ้งใบประเมิน ทั้งนี้ การเรียกเก็บเงินภาษีหุ้นชินคอร์ปฯ เบื้องต้นจะอยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท และค่าปรับรายวันนับตั้งแต่หลังวันที่ 31 มีนาคม 2555 แต่สามารถที่จะปรับลดค่าปรับดังกล่าวได้ตามที่กรมสรรพากรประเมิน

นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องออกคำสั่งคุ้มครองเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการฟ้องเรียกเก็บภาษีกับนายทักษิณ เพราะเป็นการดำเนินการตามกฏหมายปกติ รวมถึงการชี้แจงว่าเป็นอภินิหารทางกฏหมาย เพราะเจอช่องทางที่สมควรจะเสี่ยงดูในเรื่องที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลได้เปรียบ รวมถึงทุกฝ่ายบอกว่าแฮปปี้นั้นเนื่องจากหาทางออกได้ไม่ใช่มีความสุขเพราะได้ฟ้อง ส่วนผลของคดีจะถูกหรือผิดขึ้นอยู่กับศาลจะพิจารณาจะจะเป็นบรรทัดฐานต่อไปในอนาคต และเรื่องนี้ได้ชี้แจงกับที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องขาวหรือดำแต่เป็นที่เทา แม้แต่กรมสรรพากรยังหาคำตอบไม่ได้จึงต้องให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน

นายวิษณุ กล่าวด้วยว่า จะไม่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าทำไมจึงไม่ดำเนินการกับคดีนี้ เพราะกระทรวงคลังมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา หากตั้งคณะกรรมการขึ้นมาจะซ้ำซ้อน และเสียเวลารอข้อเท็จจริง ซึ่งการตรวจสอบเป็นข้อเท็จจริงไม่ใช่สอบผิดวินัย และยืนยันจะไม่มีนำเรื่องนี้มาหารือหรือประชุมอีกเพราะถือว่ายุติแล้ว