เมื่อวานนี้ (15 กุมภาพันธ์ 2563) ดอยต์เชอ เวลเลอ รายงานการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน อายุ 80 ปี สิ้นใจที่ประเทศฝรั่งเศส โดยเป็นผู้ป่วยคนแรกที่เสียชีวิตคนแรกในยุโรป และผู้เสียชีวิตคนแรกนอกทวีปเอเชียคนแรก

ชายคนนี้เข้ารับการรักษามานาน 2 สัปดาห์ ที่โรงพยาบาลบิชาต์-โคล้ด แบร์นาร์ด กรุงปารีส ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. โดยลูกสาวของชายสูงวัยคนนี้ก็ติดเชื้อและเข้ารับการรักษาด้วยเช่นกัน จากผู้ติดเชื้อที่พบในฝรั่งเศสแล้ว 11 คน

การเสียชีวิตดังกล่าวมีขึ้นวันเดียวกับที่ คณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งชาติจีนประกาศเพิ่มยอดผู้เสียชีวิตในประเทศเป็น 1,523 ราย ตายเพิ่ม 143 ราย สำหรับผู้เสียชีวิตรายใหม่ส่วนใหญ่มาจากมณฑลหูเป่ย มณฑลที่เป็นศูนย์กลางการระบาด มีเพียง 4 รายที่มาจากต่างพื้นที่ ส่วนยอดผู้ติดเชื้อรวม 66,492 คน เพิ่มขึ้น 2,641 คน แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ในนครอู่ฮั่น ศูนย์กลางการระบาดติดเชื้อ 1,102 คน ส่วนอีก 400 คน เป็นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จากพื้นที่อื่นๆในมณฑลหูเป่ย

ส่วนยอดผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีนมีกว่า 500 คน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกเพิ่มเกิน 67,000 คน และยอดผู้เสียชีวิตนอกประเทศจีนอยู่ที่ 3 ราย ได้แก่ ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น

นอกจากนี้ ประเทศอียิปต์เป็นประเทศแรกที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายแรกของทวีปแอฟริกา แต่ทางการปฏิเสธระบุสัญชาติ ทางการอียิปต์ระบุว่า ได้แยกรักษาผู้ป่วยรายดังกล่าวตามมาตรการขององค์การอนามัยโลก ทั้งนี้ การติดเชื้อดังกล่าวเป็นไปตามที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนไว้แต่แรกว่า อาจใช้เวลาไม่นานที่จะพบผู้ป่วยโควิด-19 ในทวีปแอฟริกา เนื่องจากแอฟริกามีสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับจีนมากยิ่งขึ้น

ด้านนายทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกกล่าวว่า คณะผู้แทนองค์การอนามัยโลก-WHO ประจำจีน ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญนานาชาติ 12 คนและจีน 12 คนจะเริ่มงานสอบสวนการระบาดวันที่ 15-16 ก.พ. และจะอยู่ได้จนภารกิจเสร็จสิ้น

โดยจะมุ่งหาคำตอบในประเด็นไวรัสโควิด-19 แพร่เชื้ออย่างไร รวมถึงความรุนแรงของโควิด-19 นอกจากนี้ทางคณะผู้เชี่ยวชาญจะพิจารณาว่าเจ้าหน้าที่การแพทย์กว่า 1,700 คน ติดเชื้อได้อย่างไรและเมื่อไร

ที่กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน ประกาศใช้ระเบียบกักบริเวณคนที่กลับจากท่องเที่ยวพักผ่อนวันหยุดยาวในเทศกาลตรุษจีน เป็นเวลา 14 วัน หากใครฝ่าฝืน จะถูกลงโทษ