‘ศรีสุวรรณ’จ่อร้องผู้ตรวจการฯ สอบ ผบ.ทบ.ย่อหย่อนระเบียบทหาร กรณีจ่าคลั่งโคราช

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยเปิดเผยว่า ตามที่เกิดเหตุมีจ่าทหารบกทำการปล้นปืนประจำหน่วยกองพันกระสุนที่ 22 กองทัพภาคที่ 2 มาก่อเหตุยิงกราดประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐทำให้เสียชีวิตและบาดเจ็บไปเป็นจำนวนมากที่ศูนย์การค้า Terminal 21 จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 กรณีดังกล่าวเป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญประชาชนทั้งประเทศ เป็นข่าวที่สร้างความเสื่อมเสียไปทั่วโลก สำหรับมูลเหตุสำคัญน่าจะมาจากกฎ ข้อบังคับ ระเบียบ หรือคำสั่ง หรือขั้นตอนการปฏิบัติงานใด ๆ ในกองทัพบก น่าจะมีปัญหา จำเป็นที่จะต้องมีการปรับปรุง ปฏิรูป หรือสังคายนาอย่างมโหฬารเพื่อรักษาเกียรติศักดิ์ และชื่อเสียงของกองทัพที่ผู้บังคับบัญชาในอดีตเคยร่วมกันสร้างและสั่งสมชื่อเสียงกันมาแต่กาลอดีตต้องมามัวหมอง ในยุคที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น รมว.กลาโหม มี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็น ผบ.ทบ. และมี พล.ท.ธัญญา เกียรติสาร เป็นแม่ทัพ ภาคที่ 2

“ด้วยเหตุดังกล่าวจำเป็นที่จะต้องขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน องค์กรอิสระที่มีอำนาจหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการแสวงหาข้อเท็จจริงเมื่อเห็นว่ามีผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมอันเนื่องมาจาก การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือปฏิบัตินอกเหนือหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายของหน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อเสนอแนะต่อหน่วยงานรัฐนั้นๆให้ขจัดหรือระงับความเดือดร้อน หรือความไม่เป็นธรรม รวมทั้งสามารถเสนอแนะต่อกระทรวงกลาโหมและกองทัพบกเพื่อให้มีการปรับปรุงกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ หรือคําสั่ง หรือขั้นตอนการปฏิบัติงานใด ๆ บรรดาที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมแก่ประชาชนต่อไป”นายศรีสุวรรณกล่าว

นายศรีสุวรรณกล่าวว่า นอกจากนั้นต้องร้องเรียนให้ผู้ตรวจการแผ่นดินสอบพฤติกรรมนายกรัฐมนตรี ที่ไม่แสดงอาการสำรวมในการเดินทางไป จ.นครราชสีมาในช่วงหลังเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเฉพาะการโบกไม้โบกมือยิ้มแย้มทักทายประชาชน และการแสดงท่ามือ “มินิฮาร์ท” ซึ่งผิดกาลเทศะเป็นอย่างมาก เพื่อให้ผู้ตรวจการฯเตือนไปยังคณะรัฐมนตรีว่าไม่ควรมีพฤติกรรมเลียนแบบและจะเป็นการพิสูจน์ด้วยว่าองค์กรอิสระที่มีอดีตนายทหารนั่งเป็นประธานฯจะปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดได้หรือไม่ด้วย โดยสมาคมฯจะเดินทางไปยื่นคำร้องในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ศูนย์ราชการฯ อาคาร B หลักสี่ กทม.