‘จุรินทร์’หารือ 19 บริษัทลงทุนกัมพูชา เตรียมลุยช่องเพิ่มรายได้เข้าประเทศ ดึงเอสเอ็มอีบุกตลาดCLMV

เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กรมการค้าต่างประเทศ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และคณะ เดินทางเพื่อสานสัมพันธ์ทางการค้า รับทราบปัญหาอุปสรรคการดำเนินธุรกิจของไทยในกัมพูชาวันนี้ โดยกำหนดการประชุมหารือกับภาคเอกชนที่มาลงทุนและทำการค้าอยู่ในกัมพูชาหลายบริษัททั้งหมด 19 บริษัท ซึ่งมีทั้งบริษัทขนาดใหญ่และบริษัทขนาดกลางที่มาทำธุรกิจที่นี่ โดยใช้เวลาแลกเปลี่ยนความเห็นกันเพื่อรับทราบปัญหาและสถานการณ์การค้าการลงทุนกัมพูชา

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ได้รับทราบว่าการค้าระหว่างไทยกับกัมพูชามีตัวเลขที่มีการเจริญเติบโตและขยายตัวมากขึ้นเป็นลำดับสถานภาพก็คือว่าประเทศไทยได้ดุลการค้ากับกัมพูชาอยู่ในระดับที่สูงพอสมควร ส่วนประเด็นปัญหาที่ฟังจากภาคเอกชน ประการหนึ่งก็คือ เรื่องของการค้าพบว่าสินค้าไทยที่มาส่งขายที่นี่จะมีสินค้าที่ปลอมแปลงเกิดขึ้นทั้งในส่วนของการปลอมแปลงตัวสินค้าและเครื่องหมายการค้าหรือทรัพย์สินทางปัญญา ถือเป็นปัญหาใหญ่ปัญหาหนึ่งที่หยิบยกขึ้นมา กระทรวงพาณิชย์ได้แนะนำว่าผู้ที่เสียหายโดยเฉพาะผู้ที่มาลงทุนที่นี่ไม่ควรปล่อยให้สถานการณ์นี้ผ่านเลยไปควรดำเนินการแจ้งให้กับกรมทรัพย์สินทางปัญญาของกัมพูชาได้รับทราบและสำเนาเรื่องให้กับกรมทรัพย์สินทางปัญญาของกระทรวงพาณิชย์รับทราบ และช่วยประสานงานและร่วมกันในการคลี่คลายปัญหานี้ต่อไป

และเรื่องที่สำคัญอีกเรื่องก็คือตลาดกัมพูชาถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีความสำคัญกับประเทศไทยมากโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับประเทศต่างๆในกลุ่มอาเซียนเพราะว่ามูลค่าการค้าระหว่างไทยกัมพูชาอยู่ลำดับที่ 5-6 เมื่อเทียบกับประเทศต่างๆในกลุ่มอาเซียน และนโยบายที่ตนคิดว่าเป็นนโยบายที่จะเดินหน้าต่อไปให้มีความชัดเจนเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้นคือเอสเอ็มอี ประเทศไทยจะพามาบุกตลาด CLMV (กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม)ให้มากขึ้น โดยกัมพูชาเป็นเป้าหมายหลักอันหนึ่ง โดยได้มีการหาหรือร่วมกันว่า สำหรับสินค้าเอสเอ็มอี ของไทยที่ภาคเอกชนที่มีความแข็งแรงอยู่แล้ว ถ้ามีโอกาสช่วยเปิดทางให้กับเอสเอ็มอี รุ่นใหม่ได้เข้ามาก็จะมีส่วนช่วยมาก

“ถือเป็นข่าวดีได้รับทราบว่ากลุ่ม ปตท. มีนโยบายที่จะเปิดมุมไทยขึ้นในร้านจิ๊ฟฟี่ของปตท.ซึ่งมีสาขาอยู่ทั่วประเทศกัมพูชา 50 สาขา โดยมุมไทยที่ว่านี้จะเป็นมุมหนึ่งที่จะขายปลีกสินค้าเอสเอ็มอี ของไทยโดยเฉพาะในร้านจิ๊ฟฟี่ของ ปตท. ที่กัมพูชาและช่วยประชาสัมพันธ์สินค้าไทยให้ด้วยไปในตัว รวมทั้งในส่วนของห้างแม็คโคร ช่วงระยะเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ผลไม้ไทยเริ่มออกและอยากเห็น ปตท.กับแม็คโครและส่วนอื่นๆได้เป็นช่องทางระบายผลไม้ไทยเพิ่มขึ้นด้วยซึ่งทางทูตพาณิชย์ไทยที่นี่เป็นผู้ประสานงานต่อไป ในการที่จะส่งผลไม้ไทยเข้ามาที่นี่หรืออาจจะต้องมาจัดเทศกาลผลไม้เพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่งซึ่งจะเสนอเพิ่มเติมต่อไป” นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการมาโดยลำดับ เช่นที่ตนเดินทางมาครั้งนี้เป็นการนำ SME ไทยอย่างน้อย 50 บริษัทและนำสินค้าไทยจากบริษัทต่างๆมาอีกรวมเกือบ 200 บูธเฉพาะสินค้าไทยเป็นนโยบายว่าต่อไปนี้การไปเปิดตลาดหรือจัดการแสดงสินค้าในกลุ่มตลาด CLMV ขอให้ SME ได้มีโอกาสเข้ามามากขึ้นและผู้ประกอบการท้องถิ่นรวมทั้งบูธของกัมพูชา 100 กว่าบูธ งาน Top Thai Brand ที่พนมเปญ มีประมาณ 300 บูธ นี่เป็นอีกวิธีหนึ่งที่กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการมาโดยต่อเนื่องและจะขยายวงมากยิ่งขึ้นมีส่วนช่วยให้ SME ไทยได้มาเปิดตลาดที่นี่ได้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นและจะเชิญผู้นำเข้าจากกัมพูชาไปในงานแสดงสินค้าของไทยในวาระต่างๆอย่างน้อยปีละ 4 งาน ที่เราจัดอยู่และเปิดบูธพิเศษให้กับนักลงทุนหรือผู้นำเข้าชาวกัมพูชาได้รับสิทธิพิเศษ 10 บูธช่วยส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้นำเข้าของกัมพูชาได้เดินทางเข้าไปซื้อสินค้าในไทยและแลกเปลี่ยนเปิดโอกาสให้เรากัมพูชาได้แสดงสินค้าเป็นการแลกเปลี่ยน

โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ได้ให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศไปหาลู่ทางในการที่จะขยายข้อมูลที่รับทราบในเรื่องของรสนิยมด้านอาหารของคนกัมพูชาว่าคนกัมพูชา ชอบรสชาติแบบไหนเมื่อสักครู่แลกเปลี่ยนแล้วชอบอาหารออกไปทางรสหวานเป็นเรื่องที่ผู้ส่งออก SME ที่มาร่วมงานแสดงสินค้าของไทยจะได้พอทราบว่ารสนิยมของคนที่นี่เป็นอย่างไร จะได้เตรียมผลิตภัณฑ์ได้ถูกและอาจจัดอบรมผู้สนใจที่จะเปิดตลาดด้านอาหารในกัมพูชาจะช่วยให้ประสบความสำเร็จในง่ายขึ้นและขายของได้มากขึ้นด้วย

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่

เพิ่มเพื่อน