วัฒนา แนะ ทางออกธรรมกาย หา“คนกลาง”ร่วมถ่ายถอดสดค้นวัด-ถ้าคว้าลมต้องยกเลิกม.44ทันที

(6 มี.ค.) นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงสถานการณ์ความตึงเครียดของการปิดล้อม-ตรวจค้นวัดพระธรรมกาย ภายหลังจากที่หัวหน้า คสช. ใช้มาตรา 44 แห่ง รธน.ฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 ประกาศให้วัดพระธรรมกายและพื้นที่โดยรอบเป็นพื้นที่ควบคุม

นายวัฒนา ระบุว่า นับตั้งแต่หัวหน้า คสช. ได้ออกคำสั่งที่ 5/2560 เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2560 โดยมีข้ออ้างว่าต้องการนำตัวพระธัมมชโยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม สถานการณ์ที่วัดพระธรรมกายมีความน่ากังวลมากขึ้นตามลำดับ ผมได้ฟังคำให้สัมภาษณ์ของตัวแทนฝ่ายรัฐบาลหลายท่านที่เชื่อว่าพระธัมมชโยยังคงหลบซ่อนอยู่ในวัด ทำให้เชื่อว่าท้ายที่สุดรัฐบาลจะตัดสินใจใช้กำลังบุกสลายวัดพระธรรมกายอันจะทำให้เกิดความเสียหาย สังคมไทยจะเกิดความขัดแย้งมากขึ้น

เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วสมประโยชน์ของทุกฝ่าย ผมเสนอให้มีการตรวจค้นวัดพระธรรมกายโดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง แต่จะต้องมีคนกลางซึ่งได้รับการยอมรับจากทั้งสองฝ่ายร่วมเป็นสักขีพยานในการตรวจค้นด้วย เช่น ตัวแทนทางการทูต เจ้าหน้าที่จากองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน และสื่อมวลชน เป็นต้น

ในระหว่างการตรวจค้นเจ้าหน้าที่จะต้องแสดงความโปร่งใสด้วยการยินยอมให้มีการบันทึกภาพและถ่ายทอดสดได้ตลอดเวลา เมื่อสิ้นสุดการตรวจค้นไม่ว่าจะพบพระธัมมชโยหรือไม่ ย่อมถือได้ว่าเหตุการณ์และความจำเป็นสิ้นสุดลงแล้ว รัฐบาลจะต้องยกเลิกคำสั่ง ถอนกำลังเจ้าหน้าที่และคืนพื้นที่ทั้งหมดให้กับวัดพระธรรมกายทันที

คดีของพระธัมมชโยมีความละเอียดอ่อน ถูกจับตามองจากทั้งภายในและต่างประเทศ รัฐควรทำให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่าพระธัมมชโยจะได้รับการปล่อยชั่วคราว เพื่อให้มีโอกาสในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่โดยยังคงดำรงสถานะความเป็นพระไว้ อันจะทำให้ข้ออ้างในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหมดไป ส่วนคดีทางธรรมก็ควรจะมีการกล่าวหาเสียในคราวเดียวกัน ปัญหาของวัดพระธรรมกายที่สะสมมานานก็จะสิ้นสุดลง

แต่หากรัฐบาลมีเจตนาอื่นแอบแฝง เช่น ต้องการให้พระธัมมชโยขาดจากความเป็นพระ หรือต้องการยึดหรือทำลายวัดพระธรรมกายตามความเชื่อของศิษยานุศิษย์ ก็ต้องถือเป็นเวรกรรมของประเทศ เพราะคนไทยจะได้เห็นการนองเลือดอีกครั้ง ช่วยกันดึงฟืนออกจากกองไฟดีกว่า บ้านเมืองแตกแยกมากพอแล้ว อย่าไปเพิ่มความขัดแย้งอีกเลย