‘นายกฯ’ ยัน รบ.ให้ความสำคัญแก้ปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ฝากสื่ออย่าประโคมข่าวแต่ค่าฝุ่น แนะวิธีป้องกันตัวเองด้วย

‘นายกฯ’ ยัน รบ.ให้ความสำคัญแก้ปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ฝากสื่ออย่าประโคมข่าวแต่ค่าฝุ่น ต้องแนะวิธีแก้-ป้องกันตัวเองด้วย

เมื่อวันที่ 14 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการ ก.พ.ร.รักษาราชการแทน ผอ.สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) และคณะผู้บริหาร เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เพื่อนำเสนอผลงานการพัฒนาระบบบริหารจัดการปัญหาฝุ่นควันและแอพพลิเคชั่น “AirCMI” ที่ได้มีการนำร่องในพื้นที่ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ โดยเป็นการบูรณาการข้อมูลร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะที่นายกฯกล่าวว่า มีหลายกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ ต้องดูใครเสี่ยงมากเสี่ยงน้อย โดยเฉพาะเด็กๆ ที่มีภูมิต้านทานน้อยกว่าผู้ใหญ่ ส่วนตนมีภูมิต้านทานพอสมควร เพราะอยู่ในสภาพแวดล้อมนี้มานานแล้ว เราต้องช่วยกันแก้ไขแบบครบวงจร โดยมีหลายคนที่เกี่ยวข้อง คงไม่ใช่รัฐบาลเพียงอย่างเดียว ซึ่งรัฐบาลมีมาตรการออกไปเยอะแยะ ต้องช่วยกัน อย่างประชาชนสวมใส่หน้ากากกันฝุ่น

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกประเทศมีการจราจรที่หนาแน่น มีการเผาวัชพืชทางการเกษตร ปัญหาเหล่านี้เราต้องแก้ไข รวมถึงประเทศรอบบ้านที่มีการเผา เราก็ต้องเจรจากับเขา เราต้องช่วยกันเปลี่ยนผ่าน รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ จัดหาเครื่องวัดโดยให้งบประมาณลงไป ไม่อยากให้ทุกคนตื่นตระหนก มีทั้งการป้องกันและการแก้ไข ถ้าเราร่วมมือกัน มาตรการแบบบูรณาการ งบประมาณต้องมีการบูรณการ แต่ก็ยังไม่เข้าใจกันอีก การบูรณการคือบูรณาการข้ามหน่วยงาน โดยทุกหน่วยงานมีงบฯบูรณาการ ที่ไม่ใช่มีงบฯแค่กระทรวงนี้กระทรวงเดียว ต้องเสริมกัน ต้องมีงบฯให้ทั่วถึง หากลงพื้นที่อย่างที่เคยทำมา ตนไม่ได้ว่าผิดหรือถูก แต่วันนี้ต้องลงทุกพื้นที่ให้ได้ มากน้อยตามศักยภาพและปัญหา

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทั้งนี้ ประโคมข่าวแค่ค่าฝุ่น แต่ไม่ประโคมจะแก้อย่างไร เราต้องป้องกันตัวเอง เช่น ใส่หน้ากากจะช่วยลดได้พอสมควร หากค่าฝุ่นสูงแต่ทุกคนไม่ทำอะไรเลยจะได้หรือไม่ ต้องเข้าใจสิ่งเหล่านี้ ท่านเอาตรงนี้มาทั้งหมดแล้วบอกว่าแก้ปัญหาไม่ได้ เสี่ยงอันตรายอย่าไปเที่ยวงานแล้วมันเกิดอะไรขึ้น ตนไม่เคยปิดบัง ขอให้ทุกคนช่วยกัน โดยเฉพาะลดปริมาณการใช้รถ เพราะไปห้ามคนใช้รถได้หรือไม่ ห้ามทำอุตสาหกรรม ห้ามเกษตรกรเผาได้หรือไม่ ท่านต้องไปบอกให้เขาเข้าใจ แล้วตนทำให้ได้หมด อย่ามาโจมตีกันในเรื่องที่ไม่สร้างสรรค์ว่าทำอะไรไม่ได้สักออย่าง แก้ไม่ได้ ให้เข้าใจรัฐบาลก็มีหน้าที่ ประชาชนก็มีหน้าที่ ทุกภาคส่วนก็มีหน้าที่ ถ้าไม่ช่วยกันบูรณาการเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ ก็ขอให้เป็นการติเพื่อก่อ ข้อเสนอแนะที่มีหลักการและมีเหตุผลพอสมควร ไม่ใช่ไอ้นี่ก็เสีย ไอ้นี่ก็ไม่ดี วิธีการเขาก็บอกจะช่วยกันอย่างไร แต่หลายคนไม่สนใจ กลับมาทิ่มแทงรัฐบาล เจ้าหน้าที่รัฐ

จากนั้น นายกฯได้เยี่ยมชมรถตรวจคุณภาพอากาศในบรรยากาศแบบเคลื่อนที่ พร้อมกล่าวว่า เป็นเครื่องมือวัดค่าฝุ่น PM 2.5 ที่ได้มาตรฐาน เที่ยงตรงสูงสุด นี่คือการบูรณาการเอาทุกปัญหาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เอาสาเหตุมาดูว่าจะแก้ไขอย่างไร วันนี้สัดส่วนการระบายฝุ่น PM 2.5 ใน กทม.พบการขนส่งทางถนน ร้อยละ 72.5 ซึ่งเป็นรถทั้งนั้น โดยเป็นรถบรรทุก ร้อยละ 28 รถปิ๊กอัพ ร้อยละ 21 รถบัส ร้อยละ 7 รถยนต์ ร้อยละ 10 รถมอเตอร์ไซค์ ร้อยละ 5 รถตู้ ร้อยละ 1.5 และอื่นๆ ร้อยละ 2.5 ​​ อาทิ การเผาในที่โล่ง ร้อยละ 5 ในครัวเรือน ร้อยละ 2 อุตสาหกรรม ร้อยละ 17 ส่วนเรื่องอื่นๆ ทั่วไปที่ไม่ใช่บนท้องถนนประมาณ ร้อยละ 1

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ดังนั้น กลุ่มใหญ่บนท้องถนนต้องแก้กันตรงนี้ จะช่วยกันอย่างไร เจ้าของรถในส่วนของรัฐและของประชาชนช่วยกันทั้งหมด ที่พบว่าปัญหาเกิดจากรถปล่อยควันดำมากที่สุด เราถึงต้องมีการปรับในเรื่องของขนส่งมวลชน อย่างโครงการรถไฟฟ้าขึ้นมา สถานการณ์ค่าฝุ่นปีนี้ถือว่าดีกว่าปีที่ผ่านมา รัฐบาลให้ความสนใจ มีการส่งเสริมใช้น้ำมันดีเซล บี 10 และยังช่วยแก้ราคาปาล์มตกต่ำได้ด้วย นี่คือสิ่งที่รัฐบาลนี้ทำ แล้วบอกว่ารัฐบาลไม่มีผลงาน ตนไม่เข้าใจ มันไม่ได้มีแค่วันนี้แต่มีนานแล้วแก้ไปเรื่อยๆ บ้านเมืองมันเจริญขึ้น คนมากขึ้น รถมากขึ้น ก็ธรรมดาที่มีปัญหา เราก็ต้องช่วยกันแก้ ถ้าช่วยกันติอย่างเดียว แล้วไม่ร่วมมือ มันจะทำอะไรได้