“อาชญากร ไม่ได้ก่อให้เกิดเฉพาะอาชญากรรม แต่รวมไปถึงกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมทั้งหมดอีกด้วย” ซึ่งตามหลัก “นิติธรรม” นั้น กฎหมายที่ยุติธรรมต้องได้รับการบังคับใช้โดยผู้ที่รักษาความสัตย์จริงเพื่อปกป้องความยุติธรรม โดยบุคคลทุกคนต้องได้รับ ความเป็นธรรมทางกฎหมายและความเสมอภาคภายใต้กฏหมาย

ตามที่กล่าวหาข้างต้น ความขัดแย้งทางการเมือง คดีทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศ แทบทั้งหมดมี พล.อ.ประยุทธ์ฯ หัวหน้า คสช และนายกรัฐมนตรี เป็นคู่ขัดแย้งหรือคู่กรณี หรือเป็นต้นเหตุเกือบทุกกรณี โดยฝ่ายที่ธำมรงค์ไว้ซึ่งประชาธิปไตยเป็นผู้เสียหาย หรือกล่าวหา ว่าเป็นผู้ปรปักษ์ต่อประชาธิปไตย ดังนั้น คดีต่าง ๆ ต้องได้รับการพิจารณา พิพากษาโดยผู้ที่ไม่มีการขัดกันซึ่งผลประโยชน์ ผู้เป็นกลางที่ไม่อคติกับฝ่ายใด ๆ

แต่เมื่อที่มาของ องค์กรอิสระต่าง ๆ ตุลาการรัฐธรรมนูญ และผู้บังคับใช้กฎหมายตำแหน่งอื่น ๆ ถูกแต่งตั้งโดย พล.อ.ประยุทธ์ หน.คสช และนายกรัฐมนตรีปัจจุบัน จึงถือว่า ‘เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์’ จึงไม่ชอบด้วยหลักความยุติธรรม และหลักนิติธรรม

ทั้งนี้ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่ ควรเปลี่ยนแปลง หรือปฏิรูปโครงสร้างและผู้ดำรงตำแหน่งใน องค์กรอิสระ ตุลาการรัฐธรรมนูญ และผู้บังคับใช้กฎหมายบางตำแหน่งใหม่ โดยให้มีกระบวนการสรรหาที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม เพื่อให้ได้ผู้มีความรู้ความสามารถที่ปราชญ์เปรื่อง มีความรู้ ความสามารถ ความซื่อสัตย์ ไม่อคติและเชื่อโยงกับประชาชน แทน