เผยแพร่ |
---|
วันที่ 16 ธันวาคม 2562 นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีต รมว.คลัง และอดีตรมว.ศึกษา ระบุถึงการเติบโตของเศรษฐกินไทยว่า 1) ระบบเศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำมากเพียง 2.4% ต่ำกว่าประเทศในอาเซียน (ASEAN) ซึ่งเติบโต 6.5% ขึ้นไป (เว้นสิงคโปร์) ทั้งนี้ได้นับรวมผลจากสงครามการค้า (Trade War) ระหว่างสหรัฐกับจีนแล้ว
2) ส่วนต่างอัตราเติบโตของ GDP ไทย จาก ASEAN มากถึง 4 percentage point นั้นเนื่องจากปัญหาภายในเอง คือ (ก) ความไม่เชื่อมั่นในผู้นำประเทศ และการขาดความยุติธรรมในสังคม (ข) รัฐบาลใช้เครื่องมือทางเศรษฐกิจตรงข้ามกับที่ควรจะเป็น นโยบายการคลังจะมีผลน้อยในการฟื้นระบบเศรษฐกิจที่เติบโตช้า รัฐบาลต้องใช้นโยบายการเงิน และนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งมีผลต่อ GDP มากกว่า เข้าช่วยด้วย
3) การที่รัฐบาลปล่อยปริมาณเงินบาทเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจน้อยเกินไป เหมือนปล่อยน้ำจากเขื่อนเข้าสู่ไร่นาน้อยเกินไป ทำให้ได้ผลผลิตน้อย, หรือ เหมือนกับการมีน้ำน้อยเกินไปในบ่อปลา (ดูรูปที่ 2 ทฤษฎีบ่อปลา) ทำให้ปลาไม่เติบโต และเมื่อมีปริมาณเงินบาทน้อยเกินไปในระบบเศรษฐกิจ ก็ทำให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้นเรื่อยๆ เทียบกับเงินต่างประเทศ จึงทำให้สินค้าส่งออกและการท่องเที่ยวจากต่างประเทศลดลง ทำให้ลดการผลิต ลดการลงทุน รายได้ประชาชน และรายได้รวม (GDP) จึงตกลงมาก
5) รัฐบาลสามารถแก้ไขความเจริญเติบโตต่ำ โดยเพิ่มปริมาณเงินบาทเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงด้วย ด้วยการ (ก) ใช้เงินบาทอิเล็กทรอนิคส์ ซื้อพันธบัตรรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจในตลาดรอง ออกไปอยู่กับแบงค์ชาติ (Quantitative Easing: QE) (ข) ยุติการออกพันธบัตรแบงค์ชาติมาขายในตลาดเงิน ที่ออกปีละ 4 ครั้งๆ 4-60,000 ล้านบาท เพราะยิ่งทำให้ปริมาณเงินบาทในระบบเศรษฐกิจลดลงไปอีก (ค) ให้เปลี่ยนนโยบายการเงิน จากการควบคุมเงินเฟ้อ (Inflation targeting) มาเป็นการดูแลค่าเงินบาทให้แข่งขันได้ (Exchange rate targeting) แบบสิงคโปร์
6) ควรปล่อยให้ประเทศไทยมีระบบประชาธิปไตยของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน อย่างแท้จริง และควรฟื้นฟูระบบความยุติธรรมในสังคม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อสังคมโลก ทั้งนี้เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเจริญเติบโต มีความมั่งคั่ง และประชาชนอยู่ดีมีสุข