เมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่กระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์  เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนายวิศิษฏ์  วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์  พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมแถลงความคืบหน้าคดีฆาตกรรม น.ส โทโมโกะ คาวาชิตะ นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่ถูกฆาตกรรมในเขตอุทยานประวัติศาสตร์ จ.สุโขทัย เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2550

นายสมศักดิ์  กล่าวว่า ภายหลังการขยายผลตรวจหาดีเอ็นเอ หรือสารพันธุกรรมจากจุดเกิดเหตุเดิมในรัศมี 200 เมตรเป็น 938 เมตร  ตามที่ได้รับแจ้งเบาะแสผู้ต้องสงสัยก่อเหตุฆาตกรรม  ซึ่งมีการนำดีเอ็นเอของพี่สาวผู้ต้องสงสัยตรวจหาความเชื่อมโยงของรูปแบบสารพันธุกรรม(ดีเอ็นเอ ) แบบไมโตคอนเดรียล (Mitochondrial) ซึ่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้นำไปตรวจสอบเปรียบเทียบที่เก็บได้จากวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ  โดยใช้เทคนิคการจัดเก็บตัวอย่างสารพันธุกรรม(DNA)วิธีใหม่ และใช้น้ำยาที่ใช้ในการตรวจพิสูจน์ชนิดใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น กับเสื้อผ้ากางเกงผู้เสียชีวิต สามารถพบปริมาณสารพันธุกรรม ของผู้ต้องสงสัยจำนวนมากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการตรวจพิสูจน์

นายสมศักดิ์  ยังกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังมีการนำตัวอย่างสารพันธุกรรมผู้ต้องสงสัยที่ได้มาจากการตรวจวัตถุพยานไปตรวจเปรียบ เทียบกับรูปแบบสารพันธุกรรมของพี่สาวร่วมบิดา มารดาเดียวกันกับผู้ต้องสงสัย จำนวน 2คน วัย 48 ปีและวัย 46 ปี รวมทั้งบุตรชายวัย 17 ปี ของผู้ต้องสงสัย 1 คน พบว่า พี่สาวคนที่ 1 มีดีเอ็นเอตรงกับวัตถุพยาน 7 จุด ส่วนพี่สาวคนที่ 2 มีดีเอ็นเอตรงกับวัตถุพยาน 10 จุด และมีดีเอ็นตรงจากวัตถุพยานกับลูกชายผู้ต้องสงสัย จำนวน 7 จุด ซึ่งในทางนิติวิทยาศาสตร์ ถือว่ามากพอที่จะนำไปตรวจสอบขยายผลด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้น โดยจะเน้นตรวจสอบดีเอ็นเอไมโตคอนเดรียล และตรวจหาสารพันธุกรรมโครโมโซมเพศชายจากบิดา คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน

“สิ่งที่ตรวจพบในขณะนี้ ถือเป็นสิ่งบอกเหตุ โดยดีเอ็นเอจากญาติใกล้ชิดของผู้ต้องสงสัยที่ตรงกับขอบกางเกงของ น.ส โทโมโกะ เพียงพอที่จะตรวจสอบให้ถึงที่สุด ผมไม่ได้พูดลอยๆ แต่พูดด้วยวิทยาศาสตร์ ขนาดดีเอ็นเอที่เก็บได้จากขอบกางเกงของผู้ตายมีความไม่สมบูรณ์ แต่ยังสามารถนำไปตรวจพิสูจน์ แล้วตรงกับพี่สาวคนที่ 2 ของผู้ต้องสงสัยถึง 10 ตำแหน่ง ข้อติดขัดของคดีคือ ผู้ต้องสงสัยได้เสียชีวิตแล้ว ศพถูกเผาด้วยความร้อนสูงจนไม่สามารถนำมาตรวจดีเอ็นเอได้อีก วันนี้แม้ยังปิดคดีไม่ได้ แต่ยืนยันว่าจะไปให้ถึงที่สุด”นายสมศักดิ์กล่าว

นายสมศักดิ์ ยังระบุว่า หากทางการญี่ปุ่นจะขอร่วมตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ ทางการไทยก็ไม่ขัดข้อง จะให้ส่งข้อมูลไปหรือส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจร่วมก็ได้ และอยากยืนยันไปยังญี่ปุ่นว่า ที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดเหตุในปี 52 รัฐบาลไทยไม่เคยทิ้งคดีนี้ และจะทำต่อเนื่องไม่มีมั่วแน่นอน  หากปลายทางไม่มีคำตอบก็ต้องขอโทษ ที่ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณ”นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดคดีฆาตกรรมน.ส.โทโมโกะ มีการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ 41 ครั้งแบ่งเป็นพยานวัตถุ 29 รายการและนำบุคคลเข้ามาตรวจดีเอ็นเอ 330 คน โดยดีเอ็นเอที่เก็บจากเสื้อและขอบกางเกงของโทโมโกะ ก็ไม่ใช่ดีเอ็นเอที่สมบูรณ์ เนื่องจากมนุษย์จะมีโครโมโซม 23 คู่ แต่ดีเอ็นเอที่เก็บได้มีความสมบูรณ์แค่ 3 จุด ในจุดอื่นๆเก็บได้เพียงครึ่งเดียว และยังพบว่ามีการปนเปื้อนดีเอ็นเอของบุคคลอื่น ซึ่งอาจเกิดจากการไปสัมผัสกับบุคคลอื่น ซึ่งอาจเป็นเพื่อนหรือคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการแถลงข่าวของนายสมศักดิ์ได้อธิบายผลตรวจด้วยตนเอง โดยมีมีสื่อมวลชนไทยและสำนักงานข่าวญี่ปุ่น ร่วมฟังการแถลงการณ์ข่าว รวมทั้งเจ้าหน้าที่จากสถานทูตญี่ปุ่น