‘จุรินทร์’ การันตี ‘มาร์ค’ นั่งประธานกมธ.ศึกษาแก้รธน. ยันจะสำเร็จได้ ทุกฝ่ายต้องร่วม

“จุรินทร์” การันตี “มาร์ค” นั่งประธานกมธ.ศึกษาแก้รธน. รอไฟนอลเจรจาพรรคร่วมรัฐบาล “หาตัวจริง” ยันแก้รัฐธรรมนูญจะสำเร็จได้ ต้องร่วมมือ 3 ฝ่าย

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงประเด็นที่พรรคประชาธิปัตย์มีมติเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขแล้วธรรมนูญ ว่า ถือเป็นมติพรรคประชาธิปัตย์และมอบหมายให้วิปรัฐบาลไปหารือกับวิปพรรคร่วม

ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่ทำมาตามปกติ ส่วนผลการหารืออย่างไร ก็ต้องแล้วแต่นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานวิปพรรคประชาธิปัตย์ และมีผลอย่างไรนายชินวรณ์จะนำมาแจ้งให้ที่ประชุม ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ทราบต่อไป ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่พรรคพลังประชารัฐเตรียมเสนอชื่อนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 และยังจะมีการเสนอชื่อคนอักษรย่อ ส. เสือคนอื่นด้วย ซึ่งเป็นคนที่หลายฝ่ายให้การยอมรับ นายจุรินทร์กล่าวว่า คงต้องมีการไปหารือในที่ประชุมวิปรัฐบาล เพราะวิปรัฐบาลคือที่ประชุมร่วมของวิปพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค และเป็นที่พิจารณาหาข้อยุติ

เมื่อถามถึงกรณีที่ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการซื้อเวลา ทำไมจึงไม่เข้าสู่กระบวนการแก้ไขและธรรมนูญไปเลย นายจุรินทร์กล่าวว่า นี่คือกระบวนการของสภาผู้แทนราษฎรซึ่งคิดว่าทุกพรรคการเมือง ได้มีความเห็นพ้องต้องกันในการที่จะให้นับหนึ่งด้วยการตั้งคณะกรรมาธิการโดยมีตัวแทนจากคนภายนอกและตัวแทนจากพรรคการเมืองเข้าไปร่วมพิจารณาร่วมกันว่ามีประเด็นใดบ้างที่ควรจะดำเนินการแก้ไข แล้วจึงนำกลับมาสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป คิดว่าเป็นเวทีที่น่าจะเป็นประโยชน์เพราะการแก้รัฐธรรมนูญนั้นจะประสบความสำเร็จได้อย่างน้อยสามฝ่ายจะต้องมีความเห็นพ้องต้องกัน ในเบื้องต้นคือทั้งสภาผู้แทนราษฎรซึ่งประกอบด้วยซีกรัฐบาล ฝ่ายค้าน และวุฒิสภา เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดเจนว่าการจะแก้รัฐธรรมนูญได้นั้น จะต้องใช้เสียงข้างมากเกินกว่าตึงหนึ่งของที่ประชุมรัฐสภา แล้ว ในจำนวนเกินกว่าครึ่งหนึ่งต้องประกอบด้วยเสียงของฝ่ายค้านไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 และยังกำหนดอีกว่าในจำนวนนั้นต้องเป็นเสียงวุฒิสมาชิกไม่ต่ำกว่า 1 ใน 3 และในบางประเด็น อาจจะต้องมีองคาพยพที่ 4 คือต้องนำไปทำประชามติเพื่อฟังเสียงจากประชาชนเสียก่อนด้วย

ดังนั้นการแสวงหาความร่วมมือของทุกฝ่ายจะเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการถ้าประสงค์จะให้การแก้แล้วธรรมนูญเดินหน้าไปสู่ความสำเร็จได้อย่างแท้จริงดังนั้นการนำเข้าหารือในสภาผู้แทนราษฎรจึงไม่ใช่เรื่องเสียหาย ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเตรียมประสานงานพูดคุยระหว่างหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ได้รับการติดต่อหรือยัง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ แต่เรามีกลไกวิปรัฐบาลอยู่ ในการที่จะเป็นเวทีหารือเพื่อหาข้อยุติร่วมกัน เมื่อถามว่าหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้จะมีการหารือนอกรอบระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี เพียงแต่ขอย้ำว่าเรามีกลไกของวิปรัฐบาลกันอยู่แล้ว ซึ่งถือเป็นตัวแทนจากทุกพรรคการเมืองอยู่ที่นั่นแล้ว

เมื่อถามว่าแสดงว่าผลการหารือของวิปรัฐบาลจะต้องได้ชื่อจากบุคคลที่เสนอโดยพรรคประชาธิปัตย์และจากพรรคพลังประชารัฐ นายจุรินทร์กล่าวว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ประธานวิปของพรรคคงแจ้งให้ทราบว่ามีความประสงค์ที่จะสนับสนุนใคร ส่วนพรรคการเมืองอื่นก็มีสิทธิเช่นเดียวกันที่จะมีความเห็นว่าควรจะเสนอชื่อใคร และสุดท้ายคงหารือและหาข้อยุติร่วมกัน ซึ่งก็ต้องรอตรงนั้น เมื่อถามถึงแนวโน้มการนำไปสู่นโยบายแก่รัฐธรรมนูญ จะทำได้หรือไม่เพราะเพียงแค่ตั้งกรรมาธิการศึกษาก็ยังวุ่นขนาดนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนได้แสดงความเห็นไปแล้วว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องแสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่ายไม่ว่าจะ เป็นรัฐบาลฝ่ายค้าน และวุฒิสมาชิก เพราะไม่เช่นนั้นโอกาสที่จะประสบความสำเร็จจะเป็นไปได้ยาก

เพราะฉะนั้นถ้าหวังจะประสบความสำเร็จในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ได้จริงก็ต้องร่วมมือกันทั้งสามฝ่าย และต้องไม่ขัดแย้งกันโดยไม่จำเป็น จนสุดท้ายทำให้มีความเห็นร่วมกันไม่ได้ และจะทำให้การแก้ไขและธรรมนูญล่มโดยไม่จำเป็น เมื่อถามย้ำว่ามีความมั่นใจว่าจะไม่ถูกยื้อเวลาใช่หรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสภา ที่จะเป็นผู้พิจารณาในญัตติมีการเสนอไปแล้ว ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ได้เสนอญัตติเข้าไป