นสพ. เปิดอีกข้อมูล-ต้นเหตุช้างตกเหวนรก ชี้ทางแก้ใช้ไผ่ตงทำกำแพง ย้ำต้องจำกัดพื้นที่ของนักท่องเที่ยว

ช้างตกเหว
นายสัตวแพทย์อลงกรณ์ มหรรณพ กรรมการสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย (TSPCA) เห็นว่า กรณีช้าง 13 ตัว ตกลงไปในเหวนรกบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เมื่อสัปดาห์ก่อนนั้น เป็นข่าวใหญ่ที่ทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจ เหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปี พ.ศ.2535 ซึ่งในตอนนั้นตกลงไป 8 ตัว เสียชีวิตทั้งหมด ไม่น่าเชื่อว่าเวลาผ่านไปเกือบ 30 ปี ก็เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำร้อยจนได้ ในอดีตที่ผ่านมาก็มีการป้องกันโดยทำรั้วซึ่งเป็นเสากั้นไว้ไม่ให้โขลงช้างพลาดตกลงไปอีก แต่คราวนี้ตาย 11 ตัว มีโชคดีรอด 2 ตัว คงต้องมีการระดมความคิดที่จะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกในภายภาคหน้า ธรรมชาติของช้างป่านั้น พวกมันจะใช้ทางเดินในป่าธรรมชาติที่เรียกว่า “ด่านช้าง” เป็นทางเดินตามปกติของมันทุกวัน ด่านช้างนี้ บรรพบุรุษของช้างป่าใช้เป็นเส้นทางเดินโดยการเหยียบย่ำพื้นดินบริเวณนี้ซ้ำๆ กันทุกวันจนเป็นทางเตียนโล่งในป่า ขนาดกว้าง 0.5 – 1.0 เมตร ทอดเข้าไปในป่าไม่มีที่สิ้นสุด ถือเป็นทางที่ปลอดภัยต่อพวกช้าง สัตว์ป่าชนิดอื่นๆ รวมทั้งมนุษย์ก็ใช้ทางนี้เป็นทางเดินหลักเช่นเดียวกัน ซึ่งถือเป็นจุดอ่อนของสัตว์ป่าเพราะพวกพรานป่า และพวกที่ล่าสัตว์ป่าก็จะใช้เส้นทางนี้ในการดักทำร้ายสัตว์ป่า ยิงสัตว์ป่าซึ่งเป็นวัตถุประสงค์ในทางลบ ในเวลาเดียวกันช้างป่าและสัตว์ป่าก็จะเรียนรู้ไปในตัวเองว่ามนุษย์เป็นอันตราย เจอที่ไหนก็จะพุ่งเข้าทำร้ายมนุษย์ทันที ดังนั้นการป้องกันไม่ให้ช้างป่าเกิดเหตุการณ์น้ำตกเหวนรกอีก น่าจะเป็นวิธีการป้องกันที่ดี โดยใช้ธรรมชาติเข้ามาช่วย คือ การทำกำแพงไม้ที่ช้างไม่สามารถเข้าไปถึงจุดที่เป็นน้ำตกได้ เพราะช่วงนั้นเป็นธรรมชาติของมันเมื่อถึงฤดูฝนน้ำตกจะมีเป็นจำนวนมาก แตกกระเซ็นเป็นฝอย และละอองน้ำเต็มไปหมด ทำให้ทั่วบริเวณลื่น เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาร่างกายจะตกลงไปกระแทกพื้นข้างล่างบาดเจ็บ ถ้ายังไม่ตายก็ต้องทนแช่อยู่ในน้ำเย็นที่อุณหภูมิของน้ำ 10 – 18 องศาเซลเซียส เทียบกับอุณหภูมิร่างกายของช้าง 37 – 38.5 องศาเซลเซียส สัตว์ป่าก็ต้องทนความหนาวเย็นไม่ไหวจนเสียชีวิต การป้องกันโดยการสำรวจแนวหรือเส้นทางที่เป็นเหวนรกหรือจุดที่เปราะบางที่โอกาสที่ช้างจะพลาดตกอยู่ช่วงไหน ก็ลงมือปลูกต้นไม้ธรรมชาติที่คิดว่าเหมาะสมและแข็งแรงทนต่อแรงกระแทกของช้าง ซึ่งมีให้เลือกหลายชนิดในเขาใหญ่ ในความคิดเห็นส่วนตัวที่เคยสัมผัสมาในอดีต ในข้างป่าแต่ละแห่งของไทยต้นไผ่เป็นไม้ธรรมชาติที่เหมาะสมที่สุด ไผ่ตงขนาดลำที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 นิ้วขึ้นไป จะมีความสูง 30 – 40 เมตร ปลูกเป็นระยะๆ ความห่างระหว่างกอไผ่ 10 – 20 เมตร ช่องว่างความห่างระหว่างกอไผ่ตงให้ปลูกกอไผ่หนาม ซึ่งเมื่อโตเต็มที่จะมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 – 10 เมตร สูงประมาณ 10 เมตร เวลา 3 ปีขึ้นไปกำแพงไผ่ดังกล่าวจะอัดกันแน่นเป็นกำแพงทึบ เพราะต้นไผ่จะแตกหน่อไม้ทุกปี และเจริญออกในแนววงกลมโดยรอบ ถ้าต้องการให้กำแพงหนา 10 เมตร ก็อาจจะปลูกไผ่ 2 แนว ยิ่งเป็นการเพิ่มจำนวนไผ่และความหนาของไผ่เร็วยิ่งขึ้น อันนี้เป็นหลักการในการสร้างกำแพงธรรมชาติป้องกันช้าง กำแพงดังกล่าวอาจยาวได้ถึง 1 – 10 กิโลเมตร ตามแนวป้องกันที่คดเลี้ยวตามธรรมชาติ อย่าไปสร้างแนวป้องกันใหม่ขึ้นมาเพราะจะไปทำลายธรรมชาติโดยไม่จะเป็น
การป้องกันอีกประการหนึ่งก็คือ ลดกิจกรรมนักท่องเที่ยวที่จะไปเที่ยวบริเวณน้ำตกเหวนรก ควรกันบริเวณนี้ให้เป็นที่อยู่ของช้างป่าและสัตว์ป่าชนิดอื่นๆ เท่านั้น ไม่ควรให้มนุษย์เข้าไปรบกวน ควรให้เป็นที่ส่วนตัวของสัตว์ป่าอาจกำหนดรัศมีจากบริเวณเหวนรกออกไป 3 – 5 กิโลเมตร เป็นอย่างน้อย ผลพลอยได้ที่จะตามมาก็คือ ป่าไม้จะเพิ่มจำนวนขึ้น ภาวะเครียดในสัตว์ป่าลดลงเนื่องจากไม่ต้องระแวงมนุษย์ ประการสุดท้ายก็คือ นักท่องเที่ยวที่จะไปเที่ยวเขาใหญ่ควรอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่อุทยานโดยใกล้ชิด ถ้าจะเดินท่องเที่ยวชมป่าควรมีเจ้าหน้าที่เป็นผู้นำทางเนื่องจากเจ้าหน้าที่จะรู้ว่าตรงจุดไหนที่ไม่ควรไป เพราะอาจจะไปรบกวนธรรมชาติหรือพฤติกรรมของสัตว์ป่าได้
สุดท้ายนี้อยากฝากข้อคิดว่าการเกิดอุบัติเหตุของช้างป่าคราวนี้ ขอให้เป็นเรื่องของธรรมชาติที่ผู้แข็งแรงเท่านั้นที่จะเอาชีวิตรอด (Struggle for survival ) มนุษย์มีหน้าที่ที่จะป้องกันไม่ให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้ก็โดยใช้สมองของเราที่มีอยู่หาทางแก้ไขให้สัตว์ป่าอยู่รอดได้ และก็หวังว่าช้างป่า 2 ตัว ที่อยู่รอดก็คงนำเหตุการณ์ที่เศร้าสลดนี้ไปถ่ายทอดให้ตัวที่เหลืออยู่ได้รับทราบและสามารถเอาตัวรอดได้ในภายหน้า