“สมชัย” ดักคอ ง่ายไปไหม ยุบแล้วย้าย หวั่นพรรคได้ 1 เสียงทำตามกันหมด หนีความเสี่ยง

“สมชัย” ชี้ รอกกต.วินิจฉัย ปม”ไพบูลย์”ขอเลิกกิจการพรรคประชาชนปฏิรูป หวั่นพรรคได้ 1 เสียงทำตามหนีความเสี่ยง

เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ยุบพรรคตัวเอง แล้วประกาศจะไปเป็น ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ ว่า ถ้าเป็นสมัยก่อน บัตรเลือกตั้งสองใบ เขาได้เป็นบัญชีรายชื่อจากบัตรเลือกตั้ง ก็ถือว่ามีสถานะเป็น ส.ส.แล้ว เมื่อยุบพรรคก็ไปหาพรรคใหม่อยู่ได้ใน 60 วัน  แต่กติกาใหม่ บัตรเลือกตั้งใบเดียว จำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อผูกอยู่กับคะแนนเขตที่เลือกพรรคนั้น จึงมีความเห็นว่า โอนคะแนนไปให้พรรคใหม่ไม่ได้ เพราะตอนประชาชนกาบัตร เขาไม่ได้กาให้พรรคใหม่ รวมทั้งกกต.ต้องคำนวณ ส.ส บัญชีใหม่ทั้งระบบ โดยตัดคะแนนพรรคนายไพบูลย์ออก และจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อจาก ส.ส.ที่พึงจะมีแต่ละพรรคใหม่ ทั้งนี้ นายไพบูลย์ ต้องเลือกไปอยู่พรรคที่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่ม หากเขารับ และคงสถานะเป็น ส.ส. แต่หากไม่รับ ความเป็น ส.ส.สิ้นสุดลง

“ไม่ควรจบง่ายๆว่า ยุบแล้วไปอยู่พรรคไหนก็ได้ทันที เพราะเช่นนั้น บรรดาพรรค 1 เสียงทั้งหลายจะทำตาม เพื่อหลีกความเสี่ยงในไม่แน่นอนที่ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งใหม่ใน 1 ปี หลังจาก 24 มีนาคม 2562 ว่าอาจถูก กกต.คำนวณใหม่ และหมดสภาพการเป็น ส.ส. เช่นเดียวกับ กรณีพรรคไทยรักธรรม เรื่องนี้ ควรเป็นเรื่องที่สังคมต้องจับตามองและดูแนวการวินิจฉัยจาก กกต.ชุดปัจจุบันว่าจะมีมติอย่างไร”