สั่งปรับคนละ 2 พันบาท 2 นศ.ไม่แจ้งจัดชุมนุม คดีแขวนพริกเกลือขับไล่ประยุทธ์

วันที่ 21 สิงหาคม 2562 เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ศาลแขวงดุสิต ผู้พิพากษาได้อ่านคำตัดสินในคดี “แขวนพริกเกลือไล่ประยุทธ์” หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า”คดีมึงมาไล่กูสิ” โดยสั่งปรับจำเลยคือ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายธนวัฒน์ วงษ์ไชย นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งทั้งสองเป็นสมาชิก สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) เป็นจำนวนเงินคนละ 2,000 บาท ฐานความผิด ไม่แจ้งจัดการชุมนุมต่อเจ้าหน้าที่ล่วงหน้า 24 ชั่วโมง ตามพรบ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558

สำหรับคดีดังกล่าว เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2562 โดยทั้งสองได้เดินทางไปยังหน้าประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล เพื่ออ่านจดหมายและมอบของขวัญเป็นพวงพริก กระเทียม เกลือ เชิญพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.

ในวันเกิดเหตุจำเลยทั้งสอง ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไปยังสน.ดุสิต และถูกแจ้งข้อหาชุมนุมโดยไม่แจ้ง ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 ทั้งยังมีการตรวจยึดของกลางเป็นพริกแห้ง เกลือ และกระเทียมอีกด้วย ก่อนที่อัยการจะมีความเห็นสั่งฟ้องเมื่อวันที่ 1 มี.ค. 62 โดยจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ระหว่างการสืบพยาน จำเลยทั้งสองชี้ว่าเป็นการทำพิธีกรรมสาปแช่งขับไล่คนไม่ดีออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พิธีกรรมดังกล่าวเป็นปฏิกิริยาตอบสนองต่อคำสัมภาษณ์ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อสื่อมวลชนที่ท้าให้คนออกมาขับไล่ เนื้อหาคำสัมภาษณ์มีดังนี้

“อย่าไปไล่ล่ากันมากนัก พอไล่คนนี้แล้วลาออก แล้วเดี๋ยวมาไล่นายกฯออก ก็กฎหมายว่าอย่างนี้ มึงมาไล่ดูสิ ไล่ให้ได้สิ ผมไม่ท้าทาย แต่ไม่ออก การที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แพ้การเลือกตั้งปี 54 ในการแข่งกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำไมแพ้ล่ะ เป็นรัฐบาลหรือเปล่า ทำไมแพ้ แสดงว่าการเป็นรัฐบาลไม่น่าจะทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบขึ้นมาแต่อย่างใด ขึ้นอยู่กับรัฐบาลมีผลงานหรือไม่ หากไม่มีประชาชนก็ไม่เลือกอยู่แล้ว ก็ไปหวังในสิ่งใหม่ๆ ที่เขาพูดออกมาจริงบ้างไม่จริงบ้าง นั่นคือการเมืองไทย”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว