รัฐบาลโหวตแพ้อีก! ร่างข้อบังคับประชุมสภา ปมพ้นจากตำแหน่งของกก.ประสานงาน

เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 14 ส.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภา ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ได้พิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งกมธ.ที่มีนายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) พิจารณาเสร็จแล้ว ซึ่งเป็นการพิจารณาต่อเนื่องจากการประชุมครั้งที่ผ่านมา

โดยนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกมธ.เสียงข้างน้อย กล่าวว่า ในหมวด 3 ข้อ 12 ของร่างข้อบังคับการประชุมสภาฯ อดีตมีเพียงคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) แต่ขณะนี้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ในสภาผู้แทนราษฎร ที่ในอดีตไม่เคยมีสถานะเป็นที่รองรับ และได้มีการเพิ่มคณะกรรมการประสานงานร่วมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งคัดเลือกจากวิปรัฐบาล 5 คน วิปฝ่ายค้าน 5 คน ซึ่งตนเสนอขอให้ตัดเรื่องสิทธิประโยชน์ออกไป เนื่องจากมีการกำหนดสิทธิประโยชน์ไว้แล้วในข้อ 15 ฉะนั้น การกำหนดสิทธิประโยชน์อีกในข้อ 12 จะเป็นการซ้ำซ้อน

ด้านนายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะกมธ.เสียงข้างมาก ชี้แจงว่า การคณะกรรมการประสานงานร่วมสภาฯ สิทธิประโยชน์ คือเบี้ยประชุมเท่านั้น รวมถึงการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ซึ่งเรื่องดังกล่าวต้องค่อยเป็นค่อยไป อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ให้เป็นไปตามที่ประธานสภากำหนด

จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติเห็นด้วยกับการแก้ไขของกมธ.เสียงข้างมาก 448 เสียง ไม่เห็นด้วย 7 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง
ต่อมาเข้าสู่การพิจารณา ข้อ 13 ว่าด้วยการพ้นจากตำแหน่งของคณะกรรมการประสานงานร่วมสภาผู้แทนราษฎร (1) สภาสิ้นอายุ หรือ สภาถูกยุบ หรือไม่มีสภาเพราะเหตุอื่นใด โดยกมธ.เสียงข้างน้อย ได้แก่ นายอดิศร เพียงเกษ และนายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ขอสงวนความเห็นให้ตัดคำว่า “หรือไม่มีสภาเพราะเหตุอื่นใด” เนื่องจากเป็นคำที่สะท้อนให้นึกถึงการยึดอำนาจหรือการรัฐประหาร เพราะการพ้นไปของสภา มี 2 เหตุผลที่เขียนในรัฐธรรมนูญคือ อยู่ครบวาระ และการยุบสภา ซึ่งไม่เคยมีการปรากฎว่าพ้นไปด้วยเหตุอื่นใด ทั้งนี้ ขอให้ส.ส.ที่มาจากประชาชนลงคะแนนด้วยความอิสระ เพื่อปกป้องสถาบันที่เป็นตัวแทนของประชาชนเอาไว้

จากนั้นได้มีการลงมติ ปรากฎว่าเสียงข้างมากของที่ประชุม 234 เสียง เห็นด้วยกับการตัดถ้อยคำดังกล่าวออกตามความเห็นของกมธ.เสียงข้างน้อย ขณะที่เสียงที่สนับสนุนให้ยืนตามกมธ.เสียงข้างมาก มีเพียง 223 เสียง และงดออกเสียง 2 เสียง

ทั้งนี้ ถือว่าส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ลงมติแพ้ ส.ส.ฝ่ายค้านเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งครั้งแรกคือการลงมติในร่างข้อบังคับการประชุมสภาฯ ข้อ 9 (1) ว่าด้วยการทำหน้าที่ของประธานในที่ประชุม

จากนั้น นายชวน ได้สั่งปิดการประชุม และเลื่อนการพิจารณาข้อบังคับข้อต่อไปในวันที่ 15 ส.ค.