ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 3 - 9 พฤษภาคม 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว |
ผู้เขียน | มุกดา สุวรรณชาติ |
เผยแพร่ |
เกมเริ่มแล้ว
ในวันที่ 23 เมษายน 2567 คณะรัฐมนตรีเห็นชอบพระราชกฤษฎีกา เลือก ส.ว.ตามที่ กกต.เสนอ โดยมีกรอบเวลาการเลือก ส.ว.ชุดใหม่ดังนี้
1. วันที่ 11 พฤษภาคม 2567 เมื่อ ส.ว.แต่งตั้ง หมดอายุ มีการประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือก ส.ว.ชุดใหม่
2. เพราะมาตรา 12 กำหนดว่าภายใน 5 วันหลังมีพระราชกฤษฎีกา กกต.ก็จะต้องประกาศ เกี่ยวกับการเลือก ส.ว. จะประกาศในวันที่ 13 หรือ 14 หรือ 15 พฤษภาคม ก็ได้เพราะไม่เกิน 5 วัน
3. ประกาศกำหนดวันรับสมัครผู้ที่ประสงค์จะเข้ารับการสรรหาเป็น ส.ว. ต้องไม่เกิน 15 วันหลังมีพระราชกฤษฎีกา ดังนั้น กกต.อาจจะประกาศเริ่มการรับสมัครอยู่ในระหว่างวันที่ 16-25 พฤษภาคม แต่กฎหมายยังบังคับว่าจะต้องมีเวลารับสมัคร 5-7 วัน กกต.จึงน่าจะประกาศวันรับสมัครอยู่ที่ประมาณ 20-26 พฤษภาคม แล้วแต่ความพร้อม เพราะทุกจุดในระดับอำเภอต้องมีความพร้อม ต้องมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานของ กกต.ครบทั้ง 928 แห่ง
4. กฎหมายกำหนดว่าการเลือกตั้งระดับอำเภอต้องไม่เกิน 20 วันนับตั้งแต่วันสิ้นสุดระยะเวลารับสมัคร วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน 2567 จึงอยู่ในกรอบกฎหมาย
5. กฎหมายกำหนดว่าการเลือกตั้งระดับจังหวัดต้องไม่เกิน 7 วันนับจากวันเลือกตั้งระดับอำเภอ ก็จะตรงกับวันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน 2567
6. การเลือกตั้งระดับประเทศไม่เกิน 10 วันจากระดับจังหวัด ก็จะตรงกับวันพุธที่ 26 มิถุนายน 2567
จำนวนผู้สมัครอาจไม่มาก
รัฐบาลคงไม่อยากให้ ส.ว.ชุดเก่ารักษาการนานไป ดังนั้น เมื่อ กกต.เสนอก็คงเลือกเอารูปแบบที่เลือกอย่างรวดเร็วเท่าที่ทำได้ตามกฎหมาย คงไม่มีเร็วกว่านี้อีกแล้ว ถ้าประเมินจากระยะเวลาที่กำหนดไว้ ทีมวิเคราะห์ประเมินว่าผู้สมัครไม่น่าจะมากเท่าที่คาดไว้แต่เดิม เพราะหลายคนอาจเตรียมตัวไม่ทัน
เมื่อต้นเดือนมีนาคม 2567 เคยประเมินไว้ว่าผู้สมัคร ส.ว.ปี 2567 จะมากถึง 200,000 คนโดยมีสมมุติฐานว่า
การเลือกตั้ง ส.ว.ครั้งนี้เริ่มที่ระดับอำเภอ รวมแล้ว 928 เขตเลือกตั้งขั้นต้น ในแต่ละอำเภอจะมีกลุ่มอาชีพให้สมัคร 20 กลุ่ม ถ้าเพียงแต่ละกลุ่มอาชีพมีคนไปสมัครกลุ่มละ 10-12 คน ยอดผู้สมัครรวมก็จะมีประมาณ 200,000 คน
แต่ดูจากสภาพความเป็นจริงในปัจจุบันพบว่า การประชาสัมพันธ์ หรืออธิบายความสำคัญของการเลือกตั้งครั้งนี้ มีน้อยมาก
ความซับซ้อนของวิธีการเลือกตั้งกันเอง ทำให้เข้าใจยากมาก
ความเข้มข้นของการต่อสู้ทางการเมืองไม่ได้ยกระดับขึ้นจนคนอยากเข้าร่วมสมัคร ส.ว. ซึ่งจะใช้เป็นการต่อสู้ทางการเมืองอีกรูปแบบหนึ่ง
เพราะการเลือก ส.ว.ครั้งนี้ผู้ที่ลงสมัครเท่านั้นที่จะได้เลือก ซึ่งจะต้องเสียเงินถึง 2,500 บาท และเสียเวลาพอสมควรในขณะที่ประชาชนที่เข้าร่วมทางการเมืองในการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมาไม่ต้องเสียเงิน แค่เดินทางไปลงคะแนนแถวหมู่บ้านของตนเองก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายแล้ว
หลายกลุ่มอาชีพมีคนสมัครน้อย
ที่คาดว่าจะมีคนสมัครเกินกลุ่มอาชีพละ 10 คน จึงน่าจะมีความเป็นไปได้เฉพาะเขตเมืองใหญ่ และในบางกลุ่มอาชีพจะมีคนสมัครมาก ในขณะที่หลายกลุ่มอาชีพจะมีผู้สมัครน้อยมาก บางอำเภอจะน้อยจนไม่ต้องคัดเลือก
การคัดเลือกตัวแทนกลุ่มอาชีพในระดับอำเภอ หลายอาชีพอาจจะไม่มีหรือมีน้อยกว่า 3 คน ดังนั้น หลายอำเภอจะส่งมาไม่ครบ 60 คน
แต่ในระดับประเทศ จะมีประมาณ 3,000 คนจากทุกจังหวัด กลุ่มละ 2 คน น่าจะส่งมาครบเพราะบางอาชีพแม้ไม่มีในบางอำเภอ แต่ก็จะมีอำเภออื่นทดแทนกันไปตามสภาพท้องถิ่น
กลุ่มอาชีพที่คาดว่าจะมีผู้สมัครน้อยในหลายอำเภอคือ
(13) กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสารการพัฒนานวัตกรรม หรืออื่นๆ ในทํานองเดียวกัน
(16) กลุ่มศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรี การแสดงและบันเทิง นักกีฬา หรืออื่นๆ
(17) กลุ่มประชาสังคม กลุ่มองค์กรสาธารณประโยชน์ หรืออื่นๆ
(18) กลุ่มสื่อสารมวลชน ผู้สร้างสรรค์วรรณกรรม หรืออื่นๆ
ควรสมัครแบบกระจายตามพื้นที่ต่างๆ
เนื่องจากสภาพสังคมปัจจุบันคนมีความรู้ความสามารถหลายอาชีพไปกระจุกตัวทำงานหรืออยู่อาศัยตามเมืองใหญ่
แต่การสมัครครั้งนี้เปิดช่องให้ผู้มีความรู้ความสามารถมีประสบการณ์ทั้งหลายสามารถย้อนกลับไปสมัครได้หลายแห่งทั้งถิ่นเก่าบ้านเกิด หรือที่เคยเรียนอยู่ไม่ว่าจะเป็นชั้นประถม มัธยม มหาวิทยาลัยที่อยู่เกิน 2 ปี แม้แต่ที่เคยทำงานเกิน 2 ปีก็ใช้ได้
ดังนั้น การไปสมัครในต่างจังหวัดหรือในต่างอำเภอที่ไกลๆ ก็เป็นสิทธิที่ทำได้และไม่ใช่เรื่องน่าเกลียด
แต่เป็นการกระจายตัวของผู้สมัคร มิฉะนั้นผู้สมัครที่มีความสามารถอาจจะถูกตัดตกตั้งแต่รอบแรกเพราะส่วนมากกระจุกตัวกันในเมืองใหญ่ ในบางเขตกลับไม่มีผู้มีความสามารถเฉพาะทางมาสมัครเลย
อาจมีความยุ่งยากเล็กน้อยตรงที่การหาหลักฐาน ว่าเคยอยู่ หรือเรียน ย้อนไปในอดีตประมาณ 30-50 ปี
แต่ด้วยระบบทะเบียนราษฎรสมัยใหม่น่าจะค้นหาได้ไม่ยาก
ป้องกันความผิดพลาด
ต้องเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ
ก่อนวันรับสมัครรับเลือก ต้องไปขอรับเอกสารการสมัครด้วยตนเอง โดยนำบัตรประจําตัวประชาชน เพื่อขอรับเอกสารการสมัคร ประกอบด้วย (1) แบบใบสมัคร (ส.ว.2) (2) แบบข้อมูลแนะนําตัวของผู้สมัคร (ส.ว.3) (3) แบบหนังสือรับรองความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ (ส.ว.4) และให้ผู้สมัครทําการกรอกข้อมูลให้ถูกต้องครบถ้วน พร้อมจัดเตรียมเอกสารหลักฐานประกอบการสมัครที่เกี่ยวข้องเพื่อนํามาใช้ในวันสมัคร
วันสมัครรับเลือก นําเอกสารการสมัครและหลักฐานประกอบมายื่นด้วยตนเอง ณ สถานที่ที่กําหนด ภายในระยะเวลาการรับสมัคร
อย่าลืม สําเนาบัตรประจําตัวประชาชนของผู้สมัคร สําเนาทะเบียนบ้าน ใบรับรองแพทย์ รูปถ่ายหน้าตรง คนละ 2 รูป
เอกสารหลักฐานซึ่งแสดงความเกี่ยวของกับอําเภอที่จะสมัครอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น สําเนาสูติบัตร สําเนาทะเบียนบ้าน หนังสือรับรองการทํางาน ประกาศนียบัตร ปริญญาบัตร หนังสือรับรองจากสถานศึกษา เงินค่าธรรมเนียมการสมัครคนละ 2,500 บาท
หนังสืออนุมัติให้ลาออกจากราชการ
เอกสารทุกอย่างต้องรับรองสําเนาถูกต้อง
กรณีเอกสารและหลักฐานการสมัครไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง เจ้าหน้าที่จะคืนเอกสารให้นำไปแก้ไขและมาสมัครใหม่ภายในระยะเวลาการรับสมัคร
ถ้าการสมัครถูกต้องเรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะออกใบรับใบสมัคร ตามแบบ สว.อ.10 แก่ผู้สมัคร
การสมัคร ส.ว. เป็นแบบปิดลับ
ประชาชนจะไม่รู้จักผู้สมัคร ส.ว
25 เมษายน กกต.ได้ออกระเบียบการแนะนำตัวของผู้สมัคร ส.ว.
1. กกต.กำหนดให้การแนะนำตัวผู้สมัครสามารถพิมพ์ใส่เอกสารขนาด A4 ได้ไม่เกิน 2 หน้า และห้ามแจกเอกสารนั้นในสถานที่เลือกตั้ง
ถ้าจะเผยแพร่ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ก็ต้องทำตามเอกสารแนะนำต้นฉบับเท่านั้น ไม่ให้เพิ่มเติม และให้เผยแพร่แก่ผู้สมัคร ส.ว.เท่านั้น ห้ามแจกแก่คนทั่วไป
เอกสารแนะนำตัว จะนำไปแจก หรือติดประกาศตามที่สารธารณะ (แบบ ส.ส.) ไม่ได้
2. ห้ามนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องในการแนะนำตัว
3. ห้ามผู้สมัครที่ประกอบอาชีพเกี่ยวกับการสื่อสาร การแสดง ดนตรี นักร้อง ฯลฯ ใช้ความสามารถและหน้าที่ เพื่อเอื้อประโยชน์ในการแนะนำตัวเอง
4. ห้ามผู้สมัครแนะนำตัวเองทางวิทยุ โทรทัศน์ เคเบิลทีวี หนังสือพิมพ์หรือสื่อสารทางแพลตฟอร์มใดๆ
แบบนี้ประชาชนทั่วไปก็จะไม่รู้เลยว่าผู้สมัครคนไหนเป็นอย่างไร ยกเว้นผู้สนใจจริงๆ จะไปดูประกาศที่ว่าการอำเภอ ซึ่งจะไม่เปิดเผยจนใกล้วันเลือก คนนอกห้ามเข้าไปดูการนับคะแนน
ยุคเผด็จการแต่งตั้ง ส.ว. มีคนเกี่ยวข้องหลักร้อย ยุคนี้มีคนร่วมหลายหมื่น แต่สำหรับประชาชนอีก 60 ล้าน ไม่เพียงไม่ให้เลือก แต่ยังไม่ให้รู้อีกด้วย ไม่มีโอกาสแม้แต่เป็นคนดู
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022