‘สุริยะ’ฉวยจังหวะสงครามการค้าโรดโชว์ดึงนักลงทุนจีน-มะกันมาไทย จ่อถกธปท.ดูแลค่าเงินบาทลดผลกระทบผู้ส่งออก

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ร่วมเสวนาในงานบางกอกโฟสต์ ฟอรัม 2019 หัวข้อทิศทางประเทศไทยภายใต้รัฐบาลใหม่ Roadmap to Success : Up Close with Thailand’s New Ministers จัดขึ้น ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ว่า สงครามการค้าสหรัฐ และจีน มีความรุนแรงต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว จนถึงปีนี้ ทำให้เศรษฐกิจโลกกระทบรุนแรง ทำให้จีดีพีของประเทศจีนตกต่ำสุดในรอบ 28 ปี จีดีพีสิงคโปร์ก็ตกต่ำสุดในรอบทศวรรษ ไทยจึงหลีกเลี่ยงผลจากสงครามการค้าไม่ได้ เพราะไทยส่งออกสินค้าไปอเมริกาและจีนรวมกันกว่า 21% พบว่าผลสำรวจความเชื่อมั่นของหอการค้าไทยมีดัชนีต่ำสุดรอบ 3-4 เดือนที่ผ่านมา

นายสุริยะกล่าวว่า ทั้งนี้ใน 3 เดือนจากนี้ไปกระทรวงอุตสาหกรรมจะดูว่าทำอย่างไรให้ได้ประโยชน์จากสงครามการค้า แน่นอนเมื่อมีการขึ้นกำแพงภาษีระหว่างจีน และสหรัฐ นักธุรกิจ นักลงทุนจะต้องหาทางขยับขยายไปประเทศอื่น ตรงนี้ถือเป็นโอกาสของไทยดึงการลงทุนจาก 2 ประเทศเข้ามาในไทย ดังน้นในช่วง 2-3 เดือนจากนี้ไปกระทรวงเศรษฐกิจของไทยรวมถึงกระทรวงอุตสาหกรรม จะต้องเดินทางไปโรดโชว์ในประเทศ จีน สหรัฐ หรือเชิญนักธุรกิจทั้ง 2 ประเทศที่อยู่ในไทยมาพูดคุยกันว่าอยากให้รัฐบาลตอบสนองอะไรบ้าง ขณะนี้มีความเป็นกังวลว่าไทยนั้นจะไม่สามารถดึงดูดนักลงทุนเหล่านั้นมาได้ เพราะคู่แข่งอย่างเวียดนามกำลังมาแรง และเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของไทย ซึ่งปัจจัยสำคัญดึงการลงทุนไม่ใช่เฉพาะค่าแรง แต่ต้องดูถึงศัยกภาพ ความแข็งแกร่งทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน วิศวกร พื้นที่ศักยภาพของอีอีซี ทำให้ไทยได้เปรียบเวียดนาม ตนไม่กังวลว่าจะสูญเสียความสามารถดึงดูนักลงทุนมาก แต่สิ่งเหล่านี้นิ่งนอนใจไม่ได้ ต้องมียุทธศาสตร์ที่เหมาะสม

นายสุริยะกล่าวว่า การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเอสเอ็มอี ต้องเริ่มดำเนินการอย่างจริงจัง เพราะเอสเอ็มอีมีสัดส่วนของการจ้างงานเกินกว่า 70% กระทรวงอุตสาหกรรมถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องหลักจะเดินไปอย่างรูปธรรม โดยเตรียมยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ยกระดับผลิตภาพอุตสาหกรรม และนวัตกรรม มุ่งสู่เศรษฐกิจวิถีไทยให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจฐานรากทำให้เอสเอ็มอีเชื่อมโยงกับภาคเกษตร เป็นเกษตรอุตสาหกรรม ใช้นวัตกรรมในภาคเกษตร เป็นสมาร์ทฟาร์มมิ่ง เพื่อสร้างรายได้ให้กับภาคเกษตร กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น

นายสุริยะกล่าวว่า  กระทรวงอุตสาหกรรมจะส่งเสริมผู้ประกอบการเกษตรเพื่อผลักดันเกิดการเกษตรแปรรูปพันธ์ใหม่ จัดการธุรกิจแบบมืออาชีพ ทำตลาดผ่านดิจิทัล ขยายผลหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เชื่อมโยงเศรษฐกิจชุมชน สนับสนุนแหล่งเงินทุน ผ่านมาตรการใหม่ๆ โดยให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(ธพว.)เข้ามาช่วย ซึ่งที่ผ่านมาเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนยากมาก ในการขอสินเชื่อยังเน้นเรื่องหลักประกันที่ต้องวางค้ำประกัน ซึ่งระบบเศรษฐกิจไทยเป็นระบบทุนนิยม แต่ถ้าผู้ประกอบการไม่มีทุน เป็นไปได้ยากที่ธุรกิจจะเกิด ดังนั้นเตรียมไปพูดคุยกับธพว.เพื่อให้ผ่อนปรนการสนับสนุนสินเชื่อให้กับเอสเอ็มอี และจะอธิบายให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ในที่ผ่อนเกณฑ์เงื่อนไขในการปล่อยกู้ให้เอสเอ็มอี รวมถึงหารือ ธปท. ถึงดูแลค่าเงินบาทที่ยังแข็งค่า เนื่องจากผู้ส่งออกได้รับผลกระทบ อยากให้ค่าเงินบาทอยู่ในระดับเหมาะสม หากอยู่ที่ 32 บาทถือว่ารับได้

นายสุริยะกล่าวว่า  ส่วนการขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานมีปัญหาใต้โต๊ะจนเป็นต้นทุนของผู้ประกอบการ ตนเคยวางแนวทางไว้ให้ขอได้ง่ายไม่มีปัญหาเมื่อ 10 ปีก่อน แต่พบว่าในช่วงหลังๆ การขอใบอนุญาตมีการปรับเงื่อนไข จนไปสู่ภาพพจน์ที่ไม่ได้ เกิดการร้องเรียนขึ้นมา อย่างไรก็แล้วแต่ กรมโรงงานอุตสาหกรรมขยายคำจำกัดความว่าโรงงานอะไรบ้างที่ต้องขอใบอนุญาต ทำให้ง่ายขึ้น ซึ่งตนเรียกผู้บริหารกรมโรงงานมามอบนโยบายแล้วว่าการขอใบอนุญาตโรงงานต่อจากนี้ไปต้องง่ายขึ้น