เปิด 5 ตำรับยา กรมการแพทย์แผนไทยฯ ใช้กัญชาของกลาง 7 กก. ปรุงจ่ายผู้ป่วยก.ค.นี้

นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการปรุงยาตำรับไทยเพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วย ว่า ตามที่กรมการแพทย์แผนไทยได้พิจารณาจัดกลุ่มตำรับยา ซึ่งมีกัญชาเป็นส่วนผสมที่มีสรรพคุณทางการรักษาเหมือนกัน จากตำรับยาที่ได้รับการคุ้มครองเป็นตำรับยาชาติ ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 รวม 26,000 ตำรับจนเหลือ 90 ตำรับ แบ่งออกตามตำรับและวิธีการปรุง ได้แก่ ตำรับ ก ที่มีสูตรและสรรพคุณในการใช้ทางแพทย์แผนไทยชัดเจน รวม 16 ตำรับที่ปัจจุบันได้ประกาศใช้แล้ว ตำรับ ข สูตรและวิธีการปรุงยังไม่ชัดเจน ต้องศึกษาวิธีการปรุงเพิ่มเติมเพื่อให้ข้อมูลที่ชัดเจน รวม 11 ตำรับ ตำรับ ค เป็นตำรับยากลุ่มที่ไม่แน่นอน เขียนในคัมภีร์ เป็นคำกลอน เขียนระบุ โรคต่างๆ ไม่ชัดเจน มีกัญชาเป็นส่วนผสมน้อย รวม 32 ตำรับ และตำรับ ง เป็นตำรับยาที่มีส่วนประกอบ ห้ามใช้ ซึ่งกลุ่มนี้ต้องอยู่ในการควบคุม เป็นโครงการวิจัย รวม 31 ตำรับ โดยในการปรุงยาตำรับไทยจะเริ่มปรุงยาตำรับ ก 16 ตำรับก่อน จากนั้นจะยกตำรับ ข ขึ้นมาพิจารณา

นพ.มรุต กล่าวว่า ในเบื้องต้นทางโรงพยาบาลอาจารย์ ฝั้น อาจาโร จะเริ่มปรุงยาตำรับ ก เพื่อผู้ป่วย 5 ตำรับก่อน ได้แก่ 1.ยาทำลายพระสุเมรุ แก้ลมจุกเสียด ลมปะทะอก แก้อาการตามืดหูหนัก ปวดหัวมึนตึง มีอาการเมื่อยขบในร่างกาย สะดุ้งและสั่นไปทั้งตัว 2.ยาทัพยาธิคุณ บรรเทาอาการจุกเสียดเป็นพรรดึกเป็นก้อนในท้อง เจ็บเมื่อยขบตามร่างกาย ปากเปรี้ยว กินอาหารไม่รู้รส นอนไม่หลับ 3.ยาทาริดสีดวงทวารหนักและโรคผิวหนัง ทาแก้ริดสีดวงทวารหนัก และทาแก้โรคผิวหนัง 4.ยาไพสารี แก้หืดไอ มีเสมหะ และ 5.ยาแก้สันฑฆาต กล่อนแห้ง บรรเทาอาการท้องผูกเป็นพรรดึก อาการปวดเมื่อยทั่วร่างกาย มือชาเท้าชา ปวดศีรษะ หน้ามืดวิงเวียน จุกเสียดท้องแน่นหน้าอก

“เพราะสามารถใช้กัญชาแห้งปรุงได้ทันที เพราะกัญชาสดจะได้ผลผลิตอีก 4-5 เดือนข้างหน้า ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลอาจารย์ ฝั้นได้ของกลางมาจากสำนักคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) 7 กิโลกรัม (กก.) เป็นของกลางบริสุทธิ์ที่ไม่มีการปนเปื้อนของโลหะหนัก ยาฆ่าแมลงและแบคทีเรีย กัญชาแห้งที่ทางโรงพยาบาลอาจารย์ฝั้น ขอจดแจ้งและครอบครองขอนิรโทษกรรม 20 กก. คาดเริ่มปรุงภายในเดือนมิถุนายน และคาดสามารถจ่ายผู้ป่วยได้ใจเดือนกรกฎาคมนี้” นพ.มรุต กล่าว

นพ.มรุต กล่าวว่า จากนั้นจะทยอยปรุงอีก 5 ตำรับ ได้แก่ 1.ยาแก้ลมขึ้นเบื้องสูง บรรเทาอาการปวดศีรษะ ตาแดง หูตาฝ้าฟาง หูอื้อ อ่อนเพลีย สวิงสวาย 2.ยาแก้ลมแก้เส้น บรรเทาอาการมือเท้าชา อ่อนแรง 3.ยาอัคคินีวคณะ แก้คลื่นเหียนอาเจียน ที่เกิดจากไฟย่อยอาหารผิดปกติ 4.ยาแก้ลมเนาวนารีวาโย บรรเทาอาการเจ็บแปล๊บที่ปลายมือปลายเท้า ยอก ต้นคอตึงแข็งเกร็ง หันคอไม่ได้ และ 5.ยาไฟอาวุธ แก้ลมจุกเสียด ปวดมวนท้อง ต่อมาจึงจะทยอยปรุงอีก 6 ตำรับที่เหลือ ทั้งนี้ นอกจากกัญชาที่ใช้ปรุงยาจะต้องได้มาตรฐานแล้ว ส่วนผสมอื่นจะต้องได้มาตรฐานจีเอ็มพี เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดต่อผู้ป่วย

มติชนออนไลน์