‘วันชัย’ ขู่ฟ้องกลับ ‘เรืองไกร’ ยันคุณสมบัติส.ว.ครบ คสช.ตั้งมาดี เทียบคดี ‘ธนาธร’ ไม่ได้

ผมเป็นนัก กม.นะ! ‘วันชัย’ ขู่ฟ้องแพ่ง-อาญา ‘เรืองไกร’ ทำตัวเป็นนักร้องตามกระเเส ยันคุณสมบัติครบ ชี้ คสช.สกรีนมาดี เชื่อเทียบกรณี ’ธนาธร’ ไม่ได้

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ที่หอประชุมทีโอที ถ.แจ้งวัฒนะ นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.ยื่นกกต.ให้ตรวจสอบคุณสมบัติ 21 ส.ว.ถือหุ้นสื่อมวลชนว่า หากมีข้อสงสัย และร้องเรียนถือว่าเป็นเรื่องดี หากเป็นเรื่องจริงหรือมีอยู่จริงก็ให้ดำเนินการตามกระบวนการได้เต็มที่ จะได้หาความถูกต้องให้เกิดขึ้นในทางการเมือง แต่ถ้าข้อเท็จจริงนั้นเป็นเรื่องเท็จและไม่มีอยู่จริง เป็นการที่ต้องการเล่นงานกันทางการเมือง สร้างความเสียหายให้เกิดขึ้น ตนคิดว่า คนร้องเรียนต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตนที่ก่อนเป็น ส.ว.ได้ตรวจสอบคุณสมบัติครบถ้วน ไม่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการถอนหุ้น หรือลาออกจากบริษัท ตลอดจนคุณสมบัติใดๆ เพราะตนเป็นนักกฎหมายก็ต้องตรวจสอบอยู่แล้ว ดังนั้น เมื่อมีการตรวจสอบ พบว่าเป็นการร้องเท็จ อยากให้ผู้ร้องเตรียมรับการฟ้องของตน ทั้งทางแพ่งและทางอาญาให้เป็นตัวอย่าง ไม่ใช่นึกแค่สนุกแล้วลุกขึ้นมาร้องเรียนทำให้คนอื่นเสียหาย โดยที่คนร้องไม่รับผิดชอบอะไร ดังนั้น หากนายเรืองไกรนำเรื่องดังกล่าวมาร้องเรียนเมื่อไรก็เจอแน่ จะฟ้องและดำเนินคดีกับนายเรืองไกรให้ถึงที่สุด อย่างไรก็ตาม อยากให้คนที่เป็นนักร้องทำการตรวจสอบก่อน อย่าเอาเรื่องที่เป็นกระเเสหรือเรื่องที่เป็นข่าว โดยที่ไม่คำนึงถึงความรู้สึกของคนอื่น

เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกับเพื่อนสมาชิก ส.ว.ที่อาจจะถูกร้องแล้วหรือยัง นายวันชัยกล่าวว่า ส.ว.หลายคน ได้เข้ามาหารือแล้ว ซึ่งมีบางรายที่พร้อมจะตั้งกองทุนให้ โดยที่ตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่โต แต่มองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของความถูกต้อง เขารู้ว่าเรื่องนี้เป็นปัญหา ก่อนมารับตำแหน่งจึงได้ตรวจสอบคุณสมบัติของตัวเอง และอะไรที่เป็นปัญหาก็จัดการหมดแล้ว และที่สำคัญที่สุดเวลาที่ คสช.แจ้งมาว่าได้รับตำแหน่งก็ได้สอบถามในเรื่องของคุณสมบัติต่างๆ ดังนั้น ตัวเราเอง ถ้าจะรับตำแหน่งก็ต้องจัดการปัญหาดังกล่าวให้เรียบร้อย ตนเชื่อว่า แต่ละคนเขามั่นใจในตัวเองแล้ว แต่จะผิดพลาดหรือบกพร่องในประการใดนั้น ตนไม่รับประกัน แต่ในส่วนของตน รับประกันได้ 100 เปอร์เซ็นต์

เมื่อถามว่า ที่มีปัญหาคือเรื่องของใบบริคณห์สนธิ จัดตั้งบริษัทที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการทำสื่อนั้น นายวันชัย กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ตนขอไม่ก้าวล่วง แต่ในความเห็นส่วนตัวรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่า เป็นเจ้าของหรือถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่ออื่นๆ แต่ว่าคุณจะต้องเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในหนังสือพิมพ์ หมายความว่าจะต้องมีการผลิตหนังสือพิมพ์ และออกจำหน่ายจริง อีกทั้งมีวิทยุหรือโทรทัศน์ที่ดำเนินการจริง ซึ่งเป้าหมายของรัฐธรรมนูญ คือไม่ต้องการให้เอาความเป็นสื่อของคุณมาครอบงำ ใช้อิทธิพลของความเป็นสื่อสร้างตัวเองแล้วเล่นงานคนอื่น แต่ถ้ามีเพียงบริคณห์สนธิโดยทั้งชีวิตไม่เคยประกอบกิจการสื่อ แล้วจะเอาอิทธิพลสื่อไปครอบงำได้อย่างไร ดังนั้นเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะดูแค่ขอเท็จจริงเหล่านี้ประกอบการพิจารณา และเมื่อมีคำวินิจฉัยแล้วจะผูกพันทุกองค์กร ดังนั้น ตนไม่อยากให้ ส.ส.และ ส.ว.ตื่นตระหนกตกใจเกินความจำเป็น เพราะข้อเท็จจริงของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่กับกรณีที่ ส.ส.และ ส.ว.ถูกร้องเป็นคนละเรื่อง และเป็นคนละข้อเท็จจริง จะนำมาเปรียบเทียบเหมือนกันไม่ได้ แม้ศาลรัฐธรรมนูญเคยพิจารณาวินิจฉัยให้นายธนาธร หยุดปฎิบัติหน้าที่และศาลฎีกาเคยตัดสิทธิผู้สมัครรับเลือกตั้งมาแล้วก็ตาม เพราะ ศาลฎีกาที่พิจารณาก็เป็นเพียงบางจังหวัดที่เกิดขึ้น อีกทั้งข้อเท็จจริงก็ต่างกัน ถ้าเราไปดูจะเห็นว่า บางจังหวัดแบบฟอร์มไม่ได้เป็นไปตามใบบริคณห์สนธิ แต่อาจจะมีการเพิ่มเติมเข้ามา ซึ่งศาลอาจจะดูในส่วนนี้ ดังนั้นอย่ามองว่าจะเหมือนกันเสมอไป

เมื่อถามต่อว่า ส่วนกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายธนาธร หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวนั้น ในส่วนของส.ส.และส.ว.ที่โดนร้องจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ไปด้วยหรือไม่นั้น นายวันชัย กล่าวว่า หาก ส.ส. หรือ ส.ว.ที่โดนร้องที่พฤติการเหมือนนายธนาธร จริง ตนเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญอาจจะให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เหมือนกัน ซึ่งในส่วนของส.ว.หากมีการร้องเรียนแล้วเรื่องมาถึงจริง คณะทำงานของส.ว.ก็คงจะต้องมีการพิจารณาร่วมกัน คงไม่ปล่อยให้ไปคนละทิศคนละทาง แล้วหลังจากนั้นเราก็จะต้องมาประมวลดูว่าแนวทางจะดำเนินการไปต่อในทิศทางใด

มติชนออนไลน์