คลังไม่กังวลจีดีพีไตรมาสแรกต่ำ-ยังมั่นใจทั้งปีโต 3.8%

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) กล่าวว่า กรณีจีดีพีไตรมาสแรกของปีนี้ที่สศช.ระบุว่าขยายตัวในอัตรา 2.8% ถือเป็นตัวเลขตรงกับที่สศค.ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยเห็นหลายสัญญาณที่สะท้อนว่า เศรษฐกิจในช่วงดังกล่าวจะขยายตัวชะลอลง กระทรวงการคลังจึงออกมาตรการมาพยุงเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา คาดว่าเศรษฐกิจในไตรมาสสองจะเริ่มขยายตัวดีขึ้น ส่วนหนึ่งจะเป็นผลของมาตรการพยุงเศรษฐกิจออกมาช่วงเดือนเมษายน และนำมาใช้เดือนพฤษภาคมและมิถุนายน

“กระทรวงการคลังประเมินไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าเศรษฐกิจในไตรมาสแรกจะขยายตัวแผ่วลง จึงออกมาตรการมาพยุง ส่วนไตรมาสสองจะเริ่มดีขึ้น คาดว่า ครึ่งแรกของปีจะขยายตัวได้ในระดับ 3% บวกลบ ส่วนไตรมาสสามและสี่ จะขยายตัวได้ดีขึ้นในระดับประมาณ 4% ทำให้ทั้งปีคาดว่า จีดีพีจะขยายตัวได้ในระดับ 3.8%ตามคาดการณ์”นายลวรณกล่าว

นายลวรณกล่าวต่อว่า เหตุที่เศรษฐกิจจะขยายตัวได้ดีขึ้นนับตั้งแต่ไตรมาสสอง เพราะมองว่าการส่งออกคงไม่แย่ไปกว่านี้จากไตรมาสแรกส่งออกติดลบ อย่างไรก็ตามคงต้องติดตามสถานการณ์ส่งออกอย่างใกล้ชิด โดยยังไม่จำเป็นต้องออกมาตรการใดมากระตุ้นเศรษฐกิจอีกในช่วงนี้ ซึ่งสศค.ประเมินการส่งออกทั้งปีจะขยายตัวได้ 3.4% จากคาดการณ์เดิมขยายตัว 4.5%

นายลวรณกล่าวต่อว่า ส่วนผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนนั้น ก็มีทั้งผลบวกและผลลบ กรณีผลลบนั้น หากสินค้าของไทยเป็นซัพพลายเชนของจีนและสหรัฐก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย แต่ผลบวกที่จะได้รับ คือไทยจะสามารถส่งสินค้าไปทดแทนสินค้าที่ทั้งสองประเทศไม่สามารถส่งไปขายระหว่างกันได้ ซึ่งขณะนี้ กำลังประเมินว่า จะมีจำนวนมากขึ้นหรือไม่ นอกจากนี้ ยังจะได้รับผลบวกจากการย้ายฐานการผลิตมายังไทย ซึ่งยังต้องประเมิน เพราะสถานการณ์ของสองประเทศและรวมถึงการเมืองในประเทศยังไม่แน่นอน