ยอมรับความจริงเถอะ! “จตุพร” ชี้ ฝ่ายปชต.เสียงไม่ถึง 376 เสียง ยอมเป็นฝ่ายค้าน อดเปรี้ยวกินหวานดีกว่า

วันที่ 19 พฤษภาคม 2562 เมื่อเวลา 14.30 น.  ที่ร้านกาแฟพีซคอฟฟี่แอนด์ไลบรารี่ อิมพีเรียลลาดพร้าว ชั้น 5 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้จัดรายการ “ลมหายใจ พีซทีวี เวทีทัศน์” ออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีซทีวี โดยในสัปดาห์นี้ตรงกับวันครบรอบเหตุสลายชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงวันที่ 19 พ.ค.53 จึงมีพี่น้องเดินทางกันมาร่วมรำลึกถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุมเป็นจำนวนมาก

นายจตุพร กล่าวว่า 9 ปี 99 ศพ 9 ปี เม.ย.- พ.ค.53 มีเรื่องราวมากมายกับการปราบปรามประชาชนที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่ประเทศไทยเคยมีมา เม.ย.-พ.ค.53 นั้น 99 ชีวิต และผลพวงหลังจากนั้น เช่น ได้รับแก๊สน้ำตาและไปเป็นมะเร็งอีกหลายชีวิต ถัดจากนั้น บาดเจ็บ 2,000 ชีวิต และสิ้นอิสรภาพมากที่สุด เพราะไม่มีคดีจากการชุมนุมใดที่จะมีคนติดคุกเท่ากับเหตุการณ์นี้

หลายเรื่องตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมาที่เราได้พยายามต่อสู้และอธิบายความว่าพวกเราไม่ใช่พวกเผาบ้านเผาเมือง พวกเราไม่ใช่พวกล้มล้างสถาบัน พวกเราไม่ใช่พวกก่อการร้าย ตลอดระยะเวลาของการชุมนุมนั้น เพียงแค่ใช้สิทธิพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย นั่นคือการเรียกร้องให้ยุบสภาฯ คืนอำนาจให้กับประชาชน เพราะเห็นว่าที่มาของรัฐบาลมาโดยมิชอบ

นายจตุพร กล่าวต่อว่า วันนี้เป็นโอกาสดีที่ตนขอส่งสัญญาณไปยังหมู่มิตรทั้งหลายในซีกของการเป็นนักการเมือง ว่า ในสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยเรา ไม่รู้จักอดเปรี้ยวไว้กินหวาน ปีหน้าในงานรำลึก 10 ปีเม.ย.-พ.ค.53 ไม่รู้ว่าเราจะพูดเรื่องอะไรกันอีกแล้ว ประวัติศาสตร์จะถูกทำลายอย่างย่อยยับที่สุด ถามว่าฝ่ายประชาธิปไตยเราจำเป็นจะต้องเป็นรัฐบาลเท่านั้นหรือไม่ ตนก็เห็นว่าไม่จำเป็น เป็นฝ่ายค้านก็เป็นได้ แล้วรอมาเป็นรัฐบาลในวันที่เราชนะอย่างเต็มรูปแบบ ถ้าเป็นเช่นนั้นจะยิ่งใหญ่มากกว่าการคบคนไม่เลือกหน้าในทางการเมือง

นายจตุพร กล่าวต่อว่า ตนอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงเสมอ พรรคการเมืองที่ยังไม่ตัดสินใจ ถ้าเขาจะมาร่วมด้วย เขามาตั้งแต่แรกแล้ว เราไม่ควรรอให้เราอายตัวเอง เราควรยืนหยัดอย่างมีเกียรติ เสียงระหว่าง 245-253 ในสภาฯ อยู่ไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเล่นเป็น เพราะในจำนวน 253 คนนี้ 3 คนต้องเป็นประธาน รองประธานสภาฯ เราควรรอโอกาส ที่ไม่รู้จักอดเปรี้ยวไว้กินหวาน ทำให้เราเสียโอกาส

เหตุการณ์ที่เรามาชุมนุมเมื่อ 9 ปีที่แล้ว เราอยู่จนกระทั่งครบ 9 ปี คนในกระบวนการของเราต้องไปยกมือให้กับคนที่เราต่อสู้กันมา เพื่อเราจะได้เป็นรัฐบาล ตนขอให้คิดดีๆ เพราะครั้งนี้นอกจากคิดเห็นแก่ได้แล้ว มันจะไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีทางจะเดินไปถึง 376 เสียง เพราะมันถูกล็อกด้วยตัวเลขอย่างชัดเจน ยกแรกเขาชนะอยู่แล้ว การต่อสู้ทางการเมืองต้องไม่หลอกตัวเอง ถ้าหลอกตัวเองเมื่อไรก็แพ้ทันที แม้กระทั่งการคิดแบบเพ้อฝัน เอาอีกฝ่ายหนึ่งมารวมกันก็ไม่ถึง 376 อยู่ดี แต่ว่าผลลัพธ์สุดท้ายก็คือ ความรู้สึกของเราที่ต่อสู้กันมาครบรอบ 10 ปี เราต้องมากระทืบพวกเดียวกันเองในปีหน้า

นายจตุพร กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ หัวหน้า คสช. ตลอด 5 ปีนี้มีมาตรา 44 เป็นรัฏฐาธิปัตย์ ไม่มีใครสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ ไม่มีใครสามารถตรวจสอบได้ โอกาสของบ้านเมืองจะเสียไปเลย หาก พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจยุติบทบาททางการเมือง ประชาชนจะไม่มีโอกาสได้รับรู้เลยว่า 5 ปีที่ผ่านมาทำอะไรเอาไว้บ้าง แต่ทันทีที่เป็นนายกฯ เป็นรัฐบาลเรียบร้อย ไม่มีมาตรา 44 อีกต่อไป การตรวจสอบในสภาฯ การอภิปรายในสภาฯ สามารถตรวจสอบได้หมด ท้ายที่สุดมันจะเป็นผลลัพธ์ให้กับการเลือกตั้งครั้งต่อไป

“ฉะนั้นถ้าอยากจะกินหวานในขณะที่มันเปรี้ยว อย่างไรก็ไม่ได้กินหวาน และเราจะสิ้นโอกาสที่จะกินความหวาน คือสัมผัสกับประชาธิปไตยโดยสิ้นเชิง วันนี้คนไทยอยากได้รัฐบาลมาแก้ไขปัญหา แต่เมื่อเราเห็นว่าอย่างไรก็ไปไม่ได้ ทำไมเราไม่ใช้สภาฯ ไปตรวจสอบสิ่งที่ผ่านมาแทน วันนี้ถ้าเราอยู่แบบหลอกตัวเอง เราคิดว่าเราจะเป็นรัฐบาล แต่ ส.ว.เขาก็พูดชัดว่าตั้งเองก็ต้องคุยกันได้ ถ้าเราคิดอะไรไปมากกว่านั้น ว่าเราจะมี ส.ว.ที่เป็นกลางมาโหวตให้กับฝ่ายเรา ผมว่าเราไม่ควรกินข้าวกันอีกต่อไป” นายจตุพรกล่าว