เกาหลีใต้

โซล – สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ว่า ประเทศเกาหลีใต้กำลังถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ที่มีปริมาณอยู่ในระดับอันตราย โดยหลายเมืองของเกาหลีใต้ ทั้งกรุงโซล อินชอน กยองกี จังหวัดชุงจองเหนือและใต้ มีปริมาณพีเอ็ม 2.5 เกินค่ามาตรฐานติดต่อกันเป็นวันที่ 5 แล้ว รวมไปถึงเกาะเจจู แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ที่มีปริมาณฝุ่นเกินค่ามาตรฐานเป็นครั้งแรก

สถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ซึ่งเป็นคณะทำงานภายใต้กระทรวงสิ่งแวดล้อมของเกาหลีใต้ ระบุว่าค่าพีเอ็ม 2.5 โดยเฉลี่ยในกรุงโซลอยู่ที่ 147 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรในช่วงเที่ยง และคาดว่าระดับค่าเฉลี่ยของฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ในกรุงโซลจะสูงที่สุดนับตั้งแต่รัฐบาลเริ่มมีการบันทึกในปี 2015 โดยคาดว่าค่าพีเอ็ม 2.5 ในวันที่ 6 มีนาคม จะพุ่งสูงขึ้นอีกเนื่องจากไม่มีลม อย่างไรก็ตาม คาดว่าอากาศจะดีขึ้นในวันที่ 7 มีนาคม

ขณะที่ทางการเกาหลีใต้แนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งและควรสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นพิษ ด้านสำนักงานการศึกษานครหลวงโซลได้สั่งห้ามโรงเรียนทำกิจกรรมกลางแจ้ง ทั้งโรงเรียนประถมและมัธยมทั้งหมด

อังกฤษ

ลอนดอน – สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 มีนาคม สำนักพระราชวังอังกฤษทั้ง 3 คือ พระราชวังบักกิงแฮม พระตำหนักแคลเรนซ์ และพระราชวังเคนซิงตัน ออกแถลงการณ์เตือนบรรดาผู้ที่เข้าไปแสดงความคิดเห็นบนสื่อสังคมออนไลน์ของสำนักงานพระราชวังอังกฤษ ให้ระวังการกระทำผิดแนวทางปฏิบัติใหม่ หลังจากมีการเข้าไปแสดงความเห็นที่เป็นการละเมิดต่อเคท ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ และเมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์

ทั้งนี้ ภายใต้แนวทางใหม่ การเข้าไปแสดงความเห็นจะต้องไม่เป็นการหมิ่นประมาท หยาบโลน ก้าวร้าว ข่มขู่ ดูถูก เกลียดชัง ยุยง หรือส่งเสริมเรื่องเพศหรือความรุนแรง

แถลงการณ์ระบุด้วยว่า ทางสำนักพระราชวังมีสิทธิที่จะซ่อนหรือลบความเห็นเหล่านั้นตามช่องทางที่มี รวมไปถึงสามารถบล๊อกผู้ที่ไม่กระทำตามแนวทางปฏิบัติใหม่ดังกล่าว และทางสำนักพระราชวังยังมีสิทธิที่จะส่งความคิดเห็นใดๆ ที่คิดว่าเหมาะที่ให้เจ้าหน้าที่สอบสวน หากรู้สึกว่าเป็นสิ่งจำเป็นหรือควรใช้กฎหมายเข้ามาจัดการ

โดยรายงานระบุว่า ที่ผ่านมามีการลบข้อความแสดงความคิดเห็นที่ไม่เหมาะสมแล้วเกือบ 1,000 ข้อความ ขณะที่นิตยสารเฮลโหลของอังกฤษ ฉบับเดือนกุมภาพันธ์รายงานไว้ว่า เจ้าหน้าที่ของสำนักพระราชวังต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงต่อสัปดาห์ในการกำจัดโพสต์ที่เป็นการละเมิด ที่ถูกส่งโดยกลุ่มผู้สนับสนุนของฝ่ายตรงข้ามของดัชเชสทั้งสองพระองค์

มาเลเซีย

กัวลาลัมเปอร์ – สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 3 มีนาคม นายแอนโธนี ลก รัฐมนตรีคมนาคมของมาเลเซีย เปิดเผยว่า มาเลเซียเตรียมพิจารณาที่จะเริ่มปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบินเอ็มเอช 370 อีกครั้ง หากมีบริษัทใดสนใจที่จะมาเดินหน้าตามหาเครื่องบินลำดังกล่าว โดยจะต้องมีข้อเสนอที่มีความเป็นไปได้และเชื่อถือได้

ทั้งนี้ เครื่องบินเอ็มเอช 370 พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 239 คน หายไประหว่างการเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ไปยังกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2014 ซึ่งกลายเป็นการหายไปอย่างปริศนาของการบินครั้งใหญ่ที่สุดในโลก

โดยเมื่อเดือนมกราคม 2017 มาเลเซียและจีน รวมทั้งออสเตรเลีย ได้ยกเลิกปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินเอ็มเอช 370 ทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย ที่กินเวลา 2 ปี และหมดเงินไป 200 ล้านดอลลาร์ หลังจากไม่พบร่องรอยของเครื่องบินที่หายไปแต่อย่างใด ขณะที่การค้นหาครั้งที่ 2 ที่ใช้เวลา 3 เดือน ที่นำโดบริษัท โอเชียน อินฟินิตี บริษัทด้านการค้นหาของสหรัฐ ก็ยุติลงเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา โดยไม่พบร่องรอยอะไรเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอล่าสุดของรัฐบาลมาเลเซียในการค้นหานั้น นายลกกล่าวว่า มาเลเซียได้เตรียมมอบรางวัลให้แก่บริษัทที่ค้นหาเอ็มเอช 370 ภายใต้ข้อตกลง “ไม่เจอ ไม่จ่าย” ซึ่งหมายความว่า จะมีการจ่ายเงินก็ต่อเมื่อสามารถระบุตำแหน่งของเครื่องบินได้เท่านั้น

นายลกกล่าวด้วยว่า บริษัทโอเชียน อินฟินิตีเองได้แสดงความสนใจต่อข้อเสนอของการค้นหาใหม่เช่นกัน เนื่องจากมีเทคโนโลยีใหม่ในการค้นหาเกิดขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีการนำเสนอต่อรัฐบาลมาเลเซียแต่อย่างใด