“บก.ลายจุด” ชี้กระแส “ปีศาจธนาธร” โหมแรงแต่แป๊ก พร้อมเผยความสัมพันธ์วันวานของ “สุเทพ-ทักษิณ”

วันที่ 4 มีนาคม 2562 นายสมบัติ บุญงามอนงค์ นักกิจกรรมสังคมและหัวหน้าพรรคเกียน ได้ไลฟ์เฟซบุ๊กในเฟซบุ๊กส่วนตัวเพื่อวิเคราะห์การก่อตัวของวาทกรรม “ปีศาจธนาธร” และการโหมกระแสวาทะโจมตีอย่าง “ผีทักษิณ” ซึ่งกลับมาอีกครั้งจากการปราศรัยของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ของพรรครวมพลังประชาชาติไทย

นายสมบัติ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีการพุ่งโจมตีใส่นายธนาธร (จึงรุ่งเรืองกิจ) หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จนเกิด จนเกิดสิ่งที่เรียกว่า “ปีศาจธนาธร” ขึ้นมาแล้ว ซึ่งเกิดขึ้นมาได้ระยะหนึ่งและโค้งสุดท้ายเห็นชัด การพุ่งเป้าไปที่นายธนาธรนั้น เป็นปฏิบัติการในรูปของขบวน เป็นการคิดวิเคราะห์ ออกแบบว่าจะต้องจัดการนายธนาธรให้ได้ในกระแสการเมือง แต่ล่าสุดคือรอบนี้ มีการขุดเอาผีทักษิณขึ้นมา โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ปราศรัยและพุ่งเป้าโจมตีไปที่นายทักษิณและมีปฏิกิริยาตามมาว่า ทำไมทักษิณถึงกลับมาเป็นประเด็น

“อันดับแรก เราต้องเข้าใจวัฒนธรรมทางการเมืองไทยว่า เวลาที่หาเสียงทางการเมือง แต่ละพรรคจะหาสิ่งที่เรียกว่า “คู่ต่อสู้” หรือ “ศัตรู” ถ้าเราดูปีกฝ่ายประชาธิปไตย พรรคการเมืองฝั่งนี้จะเอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.และนายกรัฐมนตรี เป็นคู่ต่อสู้ทางการเมือง คนที่ประกาศตัวว่าเป็นคู่ต่อสู้กับพล.อ.ประยุทธ์ที่ชัดที่สุด ก็คือคุณธนาธร เพราะตั้งแต่คุณธนาธรประกาศออกมาจะต่อสู้บนเวทีทางการเมืองผ่านพรรคการเมือง นายธนาธรใช้หลักการนี้ โดยประกาศว่า เป็นคู่ต่อสู้ทางการเมืองกับพล.อ.ประยุทธ์ และเพื่อจะทำให้เห็นว่า เขาเป็นตัวแทนของประชาชนที่เห็นต่างหรือได้รับผลกระทบจากการบริหารของรัฐบาลประยุทธ์ คือเป็นเรื่องปกติที่จะเอารัฐบาลที่แล้วเป็นตัวตั้ง พรรคการเมืองก็จะต้องเสนอตัวว่าเป็นทางเลือกแบบว่า ถ้าไม่อยากมีชีวิตแบบรัฐบาลที่ผ่านมาก็เลือกฉัน และจะต้องอธิบายปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการบริหารประเทศของรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นแบบแผนอย่างนี้ จึงไม่ค่อยสงสัยเรื่องนี้กันเท่าไหร่” นายสมบัติกล่าวและว่า แต่ว่าปรากฎการณ์ “ปีศาจธนาธร” มีความน่าสนใจตรงที่ ฝ่ายสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ แทนที่จะพุ่งเป้าไปที่พรรคเพื่อไทยที่มีโอกาสได้คะแนนเสียงมากที่สุด แต่กลับพุ่งไปที่นายธนาธร ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะได้คะแนนเสียงเท่าไหร่ แต่ทำไมพรรคพลังประชารัฐก็ดี พรรครวมพลังประชาชาติไทย ถึงพุ่งใส่นายธนาธร แต่ไม่ใช่นายชัชชาติ (สิทธิพันธุ์) ทั้งที่นายชัชชาติและคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ก็มีกระแสที่ไม่ขี้เหร่ แต่กลับเน้นไปที่นายธนาธร เพราะว่านายธนาธรเป็นตัวแทน ลำพังแค่พรรคเพื่อไทยกับไทยรักษาชาติ ไม่ใช่ตัวแปร แต่ละพรรคมีต้นทุน พรรคอนาคตใหม่กลับเป็นพรรคที่มีโอกาสดีดขึ้นสูง ตอนพรรคเกิดใหม่ๆ หลายคนปรามาสว่าอาจได้ที่นั่งแค่ ไม่กี่สิบที่นั่ง ตอนนี้ทุกคนมั่นใจแล้วว่า อาจไปมากกว่า30-70 เสียง โค้งสุดท้ายนี้ นายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่เป็นตัวแปรและสูตรคณิตศาสตร์ทางการเมืองไทยเปลี่ยนไป

นายสมบัติกล่าวอีกว่า อันดับสองคือ นายธนาธรทำให้พรรคหรือบุคคลทางการเมืองอย่างคุณสุเทพ ซึ่งเคยมีภาพลักษณ์เป็นขบวนประชาชนที่ออกไปต่อสู้กับรัฐบาล เอาจริงคือภาพดูซ้าย แม้เนื้อหาจะขวา แต่พอเกิดอนาคตใหม่ โดยเฉพาะนายธนาธร สิ่งที่นายธนาธรพูด ไปพุ่งที่ตัวบุคลิกภาพหรือตัววิญญาณของขบวนที่นายสุเทพเคยขับเคลื่อน (กปปส.) แม้จะตั้งพรรคมาพร้อมกับพรรคอนาคตใหม่ ทั้งที่มีคนหนุ่มสาวเข้ามา แต่ภาพพรรครวมพลังประชาชาติไทยดูชรามาก เพราะทำการเมืองแบบเก่า ไม่มีนโยบายอะไรใหม่ให้จดจำ

นอกจากนี้ นายสมบัติกล่าวว่า ยังมีอีกเรื่องที่สำคัญ เมื่อหลายปีก่อน ผมเคยสัมภาษณ์คุณทักษิณที่กรุงโซล เกาหลีใต้ ผมนำประเด็นเรื่องการปฏิรูปการเมืองไปคุย จริงๆเป็นการพูดคุยก่อนเกิด กปปส. มีเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจว่า คุณสุเทพและทักษิณเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน สถานะไม่ต่างกันมาก อาจไม่สนิทเท่าคุณสนธิกับทักษิณ แต่ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ดีมาก่อน และคุณทักษิณเคยถูกพรรคประชาธิปัตย์ชวนเข้าร่วมพรรค แต่คุณทักษิณปฏิเสธและไปร่วมกับพรรคพลังธรรมของพล.ต.จำลอง ศรีเมือง พอคุณทักษิณตั้งพรรคไทยรักไทย ช่วงหาเสียง คุณชวน หลีกภัยได้ให้คุณสุเทพไปคุยชวนคุณทักษิณว่า หลังจากเลือกตั้งเสร็จแล้ว มาช่วยกันจัดตั้งรัฐบาล คุณทักษิณไม่ได้ปฏิเสธ จนมาวันหนึ่ง คุณสุทธิชัย หยุ่นจัดดีเบตและเชิญพรรคการเมืองมาดีเบต คุณชวนและทักษิณนั่งติดกัน คุณชวนสะกิดคุณทักษิณชวนคุยกัน ด้านหนึ่งเป็นไมตรีของฝั่งคุณชวนที่อยากจะร่วมงานกับคุณทักษิณ นี่คือจุดเริ่มต้นที่น่าจะตกลงกันได้ แต่ผลการเลือกตั้งปี 2544 พรรคไทยรักไทยสามารถตั้งรัฐบาลได้ ปรากฎว่าคนที่คุณชวนเชิญ กลับมีเสียงมากกว่าจนจัดตั้งรัฐบาลแล้วแข่ง นั้นเป็นจุดเลี้ยวสำคัญ

“ดังนั้น เวลาได้ยินเสียงคุณสุเทพพูดถึงคุณทักษิณไม่ใช่แค่เรื่องความเห็นทางการเมืองที่ต่างกัน แต่จะรู้สึกได้ถึงความรู้สึกส่วนตัว วงในทางการเมืองรู้กันดีว่ามีเรื่องแบบนี้ ดังนั้นผมฟังอะไรที่คุณสุเทพปราศรัยและพูดถึงทักษิณว่าเป็นผี สิ่งนี้หลอนคุณสุเทพ ทำให้ทิศทางการเมืองของคุณสุเทพเปลี่ยนไป จนถึงทุกวันนี้ คุณสุเทพเปลี่ยนไปมาก ทั้งจุดยืน จากว่าที่รัฐฏาธิปัตย์กลายเป็นอะไรไม่รู้ ลุงกำนันก็ไม่ใช่ ดูว่าการปลุกผีทักษิณกับปีศาจธนาธร อะไรจะขายได้ ผมกำลังลุ้นว่าอะไรคือสิ่งที่ตัวละครฝ่ายการเมืองที่จะมองศัตรูและเข้าแทง เข้าใจว่าตอนนี้ธนาธรโดนหนักมาก แต่จะมีผลต่อคะแนนเสียง ผมไม่มั่นใจผมกลับรู้สึกว่าวิธีนี้ไม่ใช่ได้ ไม่ได้ทำให้คนคลุ้มคลั่งเหมือนสมัยก่อน และคนรุ่นใหม่รู้จักนายธนาธรมากขึ้น” นายสมบัติ กล่าว