วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 พรรคไทยรักษาชาติ เปิดศูนย์ประสานงานเขตคลองเตย นำโดย นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง , นายพิชัย นริพทะพันธุ์ และ นายประภัสร์ จงสงวน คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ โดยมี นายนวธันย์ ธวัชวงศ์เดชากุล ว่าที่ผู้สมัคร กรุงเทพมหานคร เขต 4 และผู้สนับสนุนพรรคให้การต้อนรับ ซึ่งทั้งคณะได้พบปะพูดคุยกับ นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิดวงประทีปและเจ้าหน้าที่มูลนิธิศาสตราจารย์นายแพทย์สันต์ หัตถีรัตน์ นายกสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย และ แกนนำสมาพันธ์ประชาธิปไตย มาร่วมให้กำลังใจ

จากนั้น ผู้นำและตัวแทนชาวชุมชนคลองเตย ได้สะท้อนปัญหาเศรษฐกิจปากท้องและการทำมาหากินที่ยากลำบาก รวมถึงปัญหาการถูกไล่ที่ แล้วให้ไปอยู่ในสถานที่ซึ่งไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตชุมชนและคาดหวังให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเข้ามาแก้ไขปัญหาดูแลความเดือดร้อน ซึ่งนายจาตุรนต์ ได้รับฟังปัญหาพร้อมกับระบุว่า การไล่รื้อเกิดมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในยุครัฐบาล คสช.ซึ่งไม่ได้มาจากประชาชนจึงไม่รับฟังความเดือดร้อนของชาวบ้าน และประชาชนไม่มีตัวแทนไปเป็นปากเสียง ซึ่งจะแตกต่างจากรัฐบาลประชาธิปไตย พร้อมยืนยันว่าการแก้ปัญหานั้นจะต้องรับฟังผู้ได้รับผลกระทบเพื่อหาทางออกที่เหมาะสมโดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ

นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า คนในพื้นที่คลองเตย ส่วนใหญ่ชื่นชอบนโยบายพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะนโยบายเพิ่มเงินในกระเป๋า ซึ่งบางคนก็อาจจะยังเข้าใจว่า นายจาตุรนต์ ยังเป็นแกนนำพรรคเพื่อไทยอยู่ ซึ่งก็เข้าใจได้และไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจากเคยเป็นประธานนโยบายพรรคเพื่อไทยและได้ออกแบบนโยบายที่โดนใจประชาชนมากับมือก่อนที่จะย้ายมาสังกัดพรรคไทยรักษาชาติ ไม่ถึง 3 เดือน

“พรรคเพื่อไทยมีนโยบายอะไรดีๆ พรรคไทยรักษาชาติก็มีเช่นกัน และยังจะดีกว่าแบบ ทริปเปิลบวก (+++) จึงมั่นใจได้ว่า ความหวังของประชาชนที่จะได้นโยบายดีๆ อย่างที่เคยได้รับจาก พรรคไทยรักไทยในอดีต จนถึงพรรคพลังประชาชน กระทั่งรัฐบาลพรรคเพื่อไทย นั้น พรรคไทยรักษาชาติ สามารถทำได้เช่นกัน เพราะทำเป็นและเคยทำมาแล้ว แต่หากในพื้นที่มีผู้สมัครพรรคเพื่อไทยให้เลือก ประชาชนก็ย่อมมีสิทธิจะเลือกได้ แต่ผู้ออกแบบนโยบายพรรคเพื่อไทยมาก่อน คือคนที่ชื่อ จาตุรนต์ ฉายแสง ซึ่งบัดนี้มาเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ” นายจาตุรนต์ กล่าว