17 มกราคม 2562- นางสาวธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ คนรุ่นใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เหตุระเบิดโรงแรมดุสิตที่กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา เป็นเรื่องน่าเศร้าและต้องขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้เสียชีวิตทั้ง 14 คน และผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดด้วย การที่พลเอกประวิตรกล่าวว่ากลุ่มก่อการร้ายพุ่งเป้าเพราะ ‘อาหารอร่อย’ และ ‘คนไทยไม่ตายก็โอเคแล้ว’ สามารถส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเศรษฐกิจของประเทศไทยได้

นางสาวธิดารัตน์ กล่าวอีกว่า ความสัมพันธ์ทางการทูตของประเทศไทยและประเทศเคนยาเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อประเทศเคนยาได้เปิดกรมการกงสุลในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2535 และสถานเอกอัครราชทูตในปี พ.ศ. 2549 ในปัจจุบันประเทศเคนยาและประเทศไทยมีการค้าขายระหว่างกันมากกว่า 5 พันล้านบาท โดยประเทศเคนยาส่งออกสินค้าเกี่ยวกับเคมีและเหล็กมาที่ประเทศไทย และประเทศไทยส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติก เครื่องยนต์ น้ำตาล และเสื้อผ้าสำเร็จรูปไปประเทศเคนยา

สื่อต่างประเทศ ทั้งสื่อของประเทศเคนยาเอง สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น ต่างรายงานข่าวว่าพลเอกประวิตรให้ความคิดเห็นต่อเหตุการณ์อันน่าเศร้าครั้งนี้อย่างไม่เหมาะสม ทั้งนี้ พลเอกประวิตรได้แสดงความคิดเห็นที่มีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับจีนมาแล้วเมื่อครั้งเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ตในเดือนกรกฎาคม ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้สื่อจีนต่างร่วมกันประนามประเทศไทยและทำให้นักท่องเที่ยวจีนลดลงกว่า 2 ล้าน คน เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทยในการจัดการกับภาวะฉุกเฉินที่ไม่มีประสิทธิภาพ และคำพูดของพลเอกประวิตรที่ว่า “เขาทำของเขาเอง”

“ผู้นำของประเทศควรใส่ใจเรื่องผละกระทบต่อภาพลักษณ์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเศรษฐกิจของประเทศ ให้มากกว่านี้ ไม่ควรให้ความคิดเห็นแบบพลั้งปากหรือไม่ผ่านกระบวนการไตร่ตรองที่ครบถ้วน เพราะว่าผู้นำประเทศต้องมีความรับผิดชอบต่อประชาชน นักการทูต และนักธุรกิจ ที่ต่างก็จะได้รับผลเสียจากคำพูดเพียงไม่กี่คำได้ นางสาวธิดารัตน์ กล่าว