อมรินทร์ฯ เพิ่มทุนขายให้ “กลุ่มเสี่ยเจริญ” 47.62% มูลค่า850ล้านบ. หาเงินถมทีวีดิจิตอล

-

กลุ่มเจ้าสัวเจริญใช้เงิน 1.37 แสนล้านบาท ซื้อ 3 กิจการในตลาดหุ้น ล่าสุดซื้อหุ้นทุ่ม 850 ล้านฮุบอัมรินทร์พริ้นติ้ง รุกธุรกิจทีวีดิจิตอล บริษัทแจง..ขายให้ราคาถูกหลังขาดทุนมาก ต้องการเงินหนุนกิจการ ด้านทีซีซีใช้เงิน 4 หมื่นล้านผุดศูนย์การค้า 30 แห่งทั่วประเทศ

นางเมตตา อุทกะพันธ์ ประธานกรรมกรรบริษัท อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) ทำหนังสือแจ้งกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติลดทุนจดทะเบียนจาก220 ล้านบาท เป็น 219,999,865 บาท และเพิ่มทุนเป็น 419,999,865 บาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 200 ล้านหุ้นพาร์ 1 บาท เพื่อจัดสรรและขายให้กับบริษัท วัฒนภักดี จำกัด โดยนายฐาปน สิริวัฒนภักดี และนายปณต สิริวัฒนภักดีในราคาหุ้นละ 4.25 บาท รวมเป็นมูลค่า 850 ล้านบาท

ทั้งนี้ หลังการเข้าซื้อจะทำให้นายฐาปน และนายปณตมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ 47.62% ทั้งนี้ ราคาเสนอขายดังกล่าวเป็นราคาที่ส่วนลดมากกว่า 10% ของราคาถัวเฉลี่ยของตลาดที่ 7.47 บาท ดังนั้น จึงต้องขอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นพร้อมขออนุมัติผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการกับผู้ถือหุ้นซึ่งจะจัดประชุมในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2560

อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ทำให้ต้องขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้เนื่องจาก บริษัทฯ ประสบภาวะผลประกอบการขาดทุนจากการดำเนินงานในช่วง 2 –3 ปี ที่ผ่านมาโดยบริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิ 91.46 ล้านบาท 416.41 ล้านบาท และ 468.93 ล้านบาท ในงวดปี 2557 ปี 2558และในรอบ 9เดือนปี 2559 ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินที่ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ตลอดจนอัตราส่วน หนี้สินต่อทุน(ดีอี) ณ วันที่ 30 กันยายน 2559 ของบริษัทฯ มีอัตราที่สูงเท่ากับ 4.32 เท่า จึงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินทุนที่จะได้รับจากการเพิ่มทุนในครั้งนี้เพื่อการลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจทีวีดิจิตอลที่อยู่ในช่วงของการเริ่มต้นธุรกิจซึ่งมีต้นทุนการดำเนินการที่สูง โดยใช้สำหรับการชำระค่าใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับการให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล  การชำระค่าบริการโครงข่ายทีวีดิจิทัลรายเดือน การชำระคืนเงินกู้ยืม จากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนที่ใช้ในดำเนินธุรกิจ เช่น การผลิตรายการโทรทัศน์ เป็นต้น โดยบริษัทฯ มี แผนการใช้เงินที่ได้จากการเพิ่มทุนนี้ภายในต้นปี 2561

ดังนั้น บริษัทฯ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อให้ บริษัทฯ สามารถดำเนินการต่าง ๆ ได้ตามที่กล่าวข้างต้น นอกจากนี้ จากการที่ ในปัจจุบัน ภาวะอุตสาหกรรมธุรกิจทีวีดิจิตอลมีการแข่งขันสูง บริษัทฯ จึงเห็นว่าการที่บริษัทฯ จะมีพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความพร้อมในด้าน เงินทุนและมีความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงมีสถานะทางการเงินและสายสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มธุรกิจที่ หลากหลายจะทำให้บริษัทฯ ได้รับเงินตามจำนวนที่ต้องการ และยังช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและสถาบันการเงินได้ บริษัทฯ จึงพิจารณาเห็นว่าการเพิ่มทุนโดยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัดมีความเหมาะสมกับสถานการณ์ ปัจจุบันของบริษัทฯ ด้วยเหตุดังกล่าว บริษัทฯ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้

ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นใหม่ โดยหลังจากนี้ทางผู้ซื้อจะส่งคนเข้ามาเป็นกรรมการบริษัทไม่เกิน 3 ท่านและไม่มีแผนที่จะนำหุ้นออกจากตลาด รวมทั้งไม่มีนโยบายเปลี่ยนแปลงแผนการบริหารจัดการ โครงสร้างองค์กร และโครงสร้างทางการเงินของกิจการอย่างมีนัยสำคัญ