วันที่ 23 ธันวาคม 2561 ดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ แสดงความคิดเห็นถึงกรณีการจัดงานระดมทุนของพรรคพลังประชารัฐ ที่กำลังเป็นกระแสข่าวอยู่ในขณะนี้ ว่า จากการที่มีสื่อมวลชนบางสำนักนำรายชื่อผู้ที่ซื้อโต๊ะจีนในงานระดมทุน ของพรรคพลังประชารัฐ โดยมีรายชื่อของ กระทรวง หน่วยงานราชการต่าง ๆ หลายที่ ตนเห็นว่า ไม่ว่าเงินที่มาใช้ซื้อโต๊ะจีนเพื่อสนับสนุนพรรคดังกล่าวนั้น จะเป็นเงินของกระทรวง หน่วยงานราชการ เงินส่วนตัว หรือ เงินของบริษัทเอกชน ก็ตาม ก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม อาจเป็นลักษณะของผลประโยชน์ทับซ้อนได้ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่ามีกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดปัจจุบันร่วมอยู่ด้วย จึงทำให้การจัดงานงานระดมทุนของพรรคของ ปรากฏชื่อ ข้าราชการระดับสูง หน่วยงาน และกระทรวงต่าง ๆ จำนวนมากซื้อโต๊ะสนับสนุน

“อีกทั้งยังเกิดคำถามจากประชาชนตามมาอีกว่าเงินที่ใช้ซื้อนั้น มาจากไหน เงินหลวง เงินส่วนตัว หรือ เป็นการขอบริจาคมาจากหน่วยงานเอกชน และเพราะเหตุใด จึงยอมใช้เงินจำนวนมากขนาดนี้ ในการบริจาคให้พรรคการเมือง เพราะหวังผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ อาทิ หวังได้เลื่อนตำแหน่งหน้าที่ หวังได้ดิวโครงการรัฐ เป็นต้น การกระทำเช่นนี้ ของเหล่าข้าราชการ และนักการเมือง จะเป็นการสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองผิด ๆ ให้กับคนรุ่นหลัง ประชาชาชนไม่ควรสนับสนุนข้าราชการ และนักการเมืองเหล่านี้ ให้เข้าไปมีอำนาจ เพราะการกระทำดังกล่าวย่อมอาจจะมีความมุ่งหมายเพื่อผลประโยชน์ในวันข้างหน้าหากพรรค พปชร. ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และการกระทำดังกล่าวยังเสี่ยงที่จะผิดกฎหมายหลาย ๆ ข้ออีกด้วย ดังนั้นตนขอเรียกร้องให้สังคมช่วยกันสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองแบบใหม่ ด้วยการคัดสรรข้าราชการ และนักการเมืองที่ดีมีคุณธรรม มีความรู้ความสามารถ ส่งเสริมคนดีให้คนดีได้ปกครองประเทศ โดยไม่เอาผลประโยชน์ของตนและพรรคพวกเป็นที่ตั้ง” ดร.รยุศด์ กล่าว

รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวอีกว่า เพื่อแสดงความจริงใจ พรรคพลังประชารัฐต้องเปิดรายชื่อ รายนามผู้บริจาค ซื้อโต๊ะจีน ทั้งหมด ต่อสาธารณะชน รวมถึงแจ้งต่อ กกต. เพื่อพิสูจน์ว่า สิ่งที่ทำมีความผิดทั้งกฎหมาย หรือ จริยธรรมทางการเมืองหรือไม่ อีกทั้ง จะได้เป็นการพิสูจน์ว่า กกต.ทำหน้าที่อย่างเท่าเทียม เป็นมาตรฐานเดียวกันกับทุกพรรคการเมือง ด้วยก่อนหน้านี้ กกต.ได้มีการเตือน บางพรรคการเมืองที่จัดงานระดมทุน ขายของระดมทุน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างมาตรฐานให้กับ พรรคการเมือง ได้ทราบอย่างชัดเจนว่า สามารถทำหรือไม่สามารถทำอะไรได้บ้าง และจะได้ไม่มีข้อครหากับ กกต.ว่ามีหลายมาตรฐาน อีกทั้งมีการเอื้อประโยชน์ให้พรรคใดพรรคหนึ่งอีกด้วย