เผยแพร่ |
---|
วันที่ 19 ธันวาคม 2561 เครือข่ายรัฐสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม หรือ “WE FAIR” นำโดย นางนุชนารถ แท่นทอง ที่ปรึกษาเครือข่ายสลัม 4 ภาค ในฐานะเครือข่าย รัฐสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม ยื่นหนังสือถึงพรรคเพื่อไทย ให้พิจารณาข้อเสนอลดความเหลื่อมล้ำผ่านการดำเนินนโยบายในลักษณะรัฐสวัสดิการต่างๆ ไปสู่การปฏิบัติ เพื่อความเท่าเทียมในสังคม
นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าพรรค ไม่ปิดกั้นเสียงของประชาชนและพร้อมรับฟังทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง เพราะ ประโยชน์ของประชาชน สำคัญกว่าผลประโยชน์ของพรรคการเมือง ดังนั้น หากต้องดำเนินการ ถึงขั้นที่ต้อง แก้ไขกฎหมาย พรรคเพื่อไทยก็พร้อม ขอเพียงได้รับฉันทานุมัติจากประชาชนเท่านั้น
“ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยรับฟัง และปฏิบัติมาตลอด ทั้งการ แก้ปัญหาเรื่องความยากจน การแก้ปัญหายาเสพติด และการแก้ปัญหาคอรัปชั่น พร้อมดำเนินนโยบายที่เป็นรูปแบบของรัฐสวัสดิการให้กับประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม เช่นโครงการ บัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ สมัยพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน จนมาถึงเพื่อไทย สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ประชาชนได้รับถ้วนหน้า และถือเป็น นโยบายที่ประชาชน มีส่วนร่วมในการผลักดันอย่างแท้จริง” โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว
นางลดาวัลย์ ระบุเพิ่มเติมว่า การเลือกตั้งที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก พรรคเพื่อไทย ก็พร้อมจะเดินหน้าฟันฝ่าไปให้ได้พยายามเดินหน้าผ่านอุปสรรคที่วางไว้แต่เชื่อว่าประชาชนที่คอยเป็นกำลังใจ จะทำให้พรรคเพื่อไทยยืนหยัดอยู่ได้
“พรรคเพื่อไทยพยายามต่อสู้ เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์จากการผลักดันนโยบายมากที่สุด วันนี้พรรคจึงพร้อมรับฟัง และจะนำนโยบายไปปฏิบัติจริง” นางลดาวัลลิ์ กล่าว
ด้านนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้รับผิดชอบงานด้านสวัสดิการสังคม เห็นว่าประชาธิปไตยและรัฐสวัสดิการ เป็นสิ่งที่ทำให้ประชาชนเท่าเทียมกัน และเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่จะทำให้คนเท่าเทียมกัน ยินดีที่กลุ่ม “wefair” ให้ความสำคัญกับสวัสดิการเพราะจะเป็นเครื่องมือช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ตั้งแต่เกิด นำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ต่อไป
ขณะที่ นางนุชนารถ ระบุว่า ต้องการเห็นพรรคการเมืองขับเคลื่อนใน 7 ประเด็นสำคัญ และเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้จริง ตัวเลขความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มสูงขึ้นจน เป็นอันดับ 1 ของโลก สะท้อนข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ดังนั้น 7 ข้อเสนอ ที่ผ่านการกลั่นกรองจากภาคประชาชนแล้ว จึงอยากให้พรรคการเมืองช่วยผลักดันบรรจุเป็นนโยบายของพรรค เช่นด้านการศึกษาด้านสุขภาพ, บำนาญชราภาพ, งบอุดหนุนเด็ก,ด้านแรงงาน เช่นประกันสังคม ควรเป็นมาตรฐานเดียวกัน ,เรื่องที่อยู่อาศัย ที่ดินทำกิน และเรื่องของผู้พิการ, ความหลากหลายทางเพศ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าWefair จะเข้ามามีส่วนร่วมกับพรรคการเมืองให้เกิดรัฐสวัสดิการขึ้นในประเทศ
ส่วนนายนิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ แนวร่วมเครือข่าย เชื่อว่าหากมีการปฏิรูประบบภาษี หรือการปรับโครงสร้างการใช้งบประมาณของกระทรวงกลาโหมเช่นการจัดซื้ออาวุธ ประเทศจะมีงบประมาณเพียงพอ สำหรับดำเนินการ ให้เกิดรัฐสวัสดิการขึ้น