‘ธนาธร’ ย้อนวันวานจุดเปลี่ยนสนใจการเมือง เผยสาเหตุวิทยาพินธ์ถูกห้ามตีพิมพ์

วันที่ 13 ธันวาคม ที่อาร์ต แกลเลอรี่ โรงละคร G23 สตูดิโอ อาคารนวัตกรรม มศว.ประสานมิตร นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมรายการ ดิ เอ๊าท์ไลน์ โดย สุทธิชัย หยุ่น โดยตอนหนึ่ง นายธนาธร ให้สัมภาษณ์ถึงชีวิตตนเองในช่วงเป็นวัยรุ่น และจุดเริ่มต้นที่ทำให้สนใจการเมืองว่า ตัวเองมีความเป็นผู้นำตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมเพราะเพื่อนๆ ให้การยอมรับเสมอ แล้วจุดเปลี่ยนที่สำคัญคือ เมื่อเข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในตอนนั้นช่วง ปี 1 ก็เหมือนเยาวชนทั่วไปที่ไม่ได้สนใจการเมือง ไม่รู้จักเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ทางการเมือง จนกระทั่งได้เข้าร่วมงานกิจกรรมรับเพื่อนใหม่ ทำให้เห็นภาพนิทรรศการที่ลานโพธิ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และ เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 จุดเปลี่ยนสำคัญคือ การร่วมกิจกรรมค่ายอาสาพัฒนาชนบท ค่ายแรกที่ไปคือ จ.ยโสธร ตอนปี 1 ทำให้ได้เห็นวิถีชีวิตชาวนา ไปคุยปัญหากับเจ้าของพื้นที่ จึงได้เห็นความเหลื่อมล้ำในสังคมมากขึ้น ตัวเองจึงเริ่มศึกษาว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิ่งนี้ในเศรษฐกิจไทย เมื่อได้คำตอบก็รู้สึกว่า สังคมไทยเริ่มไม่น่าอยู่แล้ว อยากจะแก้ปัญหาเหล่านี้

“จากนั้นเข้าร่วมองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หรือ อมธ. ก็มีโอกาสเข้าไปร่วมกิจกรรมประท้วงของชาวปากมูล กลุ่มสมัชชาคนจน ทำให้รู้สึกว่า ทำไมชีวิตเราสบายแต่ยังมีคนที่เดือดร้อนขนาดไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่มีอาชีพ เราเห็นความแตกต่างทางชนชั้นระหว่างเรากับกลุ่มประชาชนที่ออกมาประท้วง โดยในช่วงที่เข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่มคนปากมูล กรณีปัญหาเขื่อนปากมูลก็เคยถูกทำร้ายร่างกายจากการสลายการชุมนุม จนรู้สึกว่า ทำไมการเรียกร้องความเป็นเป็นธรรม ความเป็นมนุษย์ถึงยากเย็นเหลือเกิน เหมือนการที่เข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 นั่นก็เพราะเรารู้สึกเห็นด้วยที่ประชาชนออกมาชุมนุมเรียกร้องการเลือกตั้ง” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่กล่าว

นายธนาธร กล่าวถึง หัวข้อวิทยานิพนธ์ในขณะเรียนปริญญาโท คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่า ตอนนั้นศึกษาเรื่องกลุ่มทุนไทยในส่วนบนของระบอบเศรษฐกิจหรือกลุ่มทุนใหญ่เพราะเห็นว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ป่าแตกที่นักศึกษาที่เคยเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยทิ้งปืนออกจากป่า งานศึกษาเรื่องการเติบโตของกลุ่มทุนไทยก็หายไป แล้วในขณะเดียวกันก็ไม่มีใครน่าจะเข้าใจเรื่องนี้นอกจากเราเอง เพราะเราเป็นนักธุรกิจ ทำงานร่วมกับรัฐและกลุ่มสมาคมธุรกิจต่างๆ ข้อสรุปของวิทยานิพนธ์นี้ก็คือ กลุ่มทุนกับรัฐไทยนั้นแยกกันไม่ออก อีกทั้งยังเกื้อหนุนกันด้วย นี่คือจุดสำคัญที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย แล้วสุดท้ายวิทยานิพนธ์ที่ทำออกมานั้นก็ถูกสั่งห้ามเผยแพร่