วันที่ 6 ธันวาคม 2561 สำนักข่าว เอเอฟพี รายงานว่า รัฐบาลจีนแสดงปฏิกิริยาไม่พอใจอย่างยิ่ง กรณีเจ้าหน้าที่แคนาดาจับกุมผู้บริหารหญิงและทายาทผู้ก่อตั้งบริษัทหัวเว่ย กิจการเทคโนโลยีโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่สัญชาติจีน และจะส่งตัวให้ทางการสหรัฐอเมริกาสอบสวน ทั้งที่สหรัฐกับจีนเพิ่งตกลงพักรบศึกการค้ากันชั่วคราว ในเวทีจี-20 ที่สองผู้นำประเทศเปิดโต๊ะเจรจา

เกิง ส่วง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลง แถลงเรียกร้องให้แคนาดาและสหรัฐแจงเหตุผลการจับกุมนางเมิ่ง ว่านโจว รองประธานบริหารฝ่ายการเงิน หรือ ซีเอฟโอ ของบริษัทหัวเว่ย พร้อมปล่อยตัวทันที

ก่อนหน้านี้ มีรายงานข่าวว่าหัวเว่ยถูกสหรัฐตรวจสอบอยู่ว่า อาจละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐต่อทางการอิหร่าน รวมถึงข้อครหาว่าเป็นอาวุธที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนใช้เป็นช่องทางทางเทคโนโลยีเพื่อสอดแนมข้อมูล กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของสหรัฐ

ข่าวการจับกุมนางเมิ่ง ส่งผลสั่นสะเทือนต่อตลาดหุ้นทั่วเอเชีย โดยเฉพาะที่เซี่ยงไฮ้และฮ่องกง ปรับตัวลดลงร้อยละ 1.3 และ 2.6 ตามลำดับ เพราะตอกย้ำความไม่แน่นอนในศึกมหาอำนาจ แม้ว่าผู้นำทั้งสองชาติเพิ่งตกลงพักรบกันชั่วคราวในสงครามการค้า เพื่อให้เวลาฝ่ายเจรจาแก้ไขปัญหาให้ได้ภายใน 90 วัน

บริษัทหัวเว่ยออกแถลงการณ์ยืนยันว่า หัวเว่ยปฏิบัติตามข้อบังคับและกฎหมายของประเทศนั้นๆ อย่างเคร่งครัด รวมถึงเคารพต่อข้อบังคับของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น สหรัฐ และสหภาพยุโรป หรืออียู

ทั้งนี้ หัวเว่ยนับเป็นเอกชนรายที่สองแล้วที่ถูกดำเนินการจากทางการสหรัฐ ต่อจากกรณีของบริษัทซีทีอี ผู้พัฒนาสมาร์ตโฟนจากจีน ถูกทางการสหรัฐระงับสิทธิในการเข้าถึงเทคโนโลยีใดๆ ที่มาจากสหรัฐเป็นเวลา 7 ปี เพื่อลงโทษกรณีที่ซีทีอีละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของยูเอ็นต่อเกาหลีเหนือ ส่งผลให้ซีทีอีแทบต้องยุติการดำเนินธุรกิจลงชั่วคราว