‘อภิศักดิ์’ สั่งเบรกภาษีความเค็ม-ชาวบ้านด่าทั้งประเทศ

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของกรมสรรพสามิตที่จะเข้าไปจัดเก็บภาษีจากสินค้าที่มีความเค็ม โดยมองว่าเป็นการจัดเก็บภาษีที่ได้ไม่คุ้มกับเสีย เนื่องจากจัดเก็บภาษีดังกล่าวจะได้รายได้ในจำนวนน้อย และวิธีการจัดเก็บก็ยาก ขณะที่ผลกระทบที่จะมีต่อประชาชนหรือผู้บริโภคนั้นมีมากกว่า

“เรื่องการจัดเก็บภาษีความเค็มนั้นผมว่าคงเก็บได้ไม่กี่ร้อยบาท พอบอกจะทำชาวบ้านด่ากันทั้งประเทศ แถมวิธีการจัดเก็บก็ยากวัดค่าไม่ได้ แต่กรณีการจัดเก็บภาษีจากค่าความหวานนี่มีผู้ประกอบการเกี่ยวข้องมากกว่า จึงอยากให้กรมสรรพสามิตไปดูการจัดเก็บภาษีสินค้าตัวอื่นและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บทดแทน” นายอภิศักดิ์กล่าว

นายอภิศักดิ์กล่าวว่า กระทรวงการคลังคงไม่มีการขึ้นอัตราภาษีให้สูงขึ้น แต่จะดำเนินการ 2 วิธี คือ 1.เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีให้เก็บรายได้ได้มากขึ้น ซึ่งหมายความว่าคนที่อยู่นอกระบบจะต้องเข้ามาอยู่ในระบบมากขึ้น และ 2.การเพิ่มประเภทการจัดเก็บภาษีใหม่ๆ เช่น ภาษีสินค้าออนไลน์ เป็นต้น ปัจจุบันการจัดเก็บรายได้ภาษีอยู่ที่ 15% ของจีดีพี ขณะที่ระดับการจัดเก็บรายได้ภาษีที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 19-20% ต่อจีดีพี

นายอภิศักดิ์กล่าวว่า ล่าสุดกระทรวงการคลังจะพัฒนาระบบการชำระภาษีให้สามารถหักลบกันระหว่างเดบิตและเครดิตให้ระบบการชำระและคืนภาษีทำได้รวดเร็ว ขณะนี้กรมภาษีของกระทรวงการคลังจะพัฒนาระบบภาษีให้เป็นอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด โดยเฉพาะกรมสรรพากรที่จะทำให้ภาษีที่ผู้เสียภาษีต้องจ่าย สามารถนำมาหักกลบกับภาษีที่จะได้รับคืนได้ด้วย ซึ่งทางภาคเอกชนอยากเห็น แต่คนที่ไม่ต้องการเข้าก็บอกว่าการเสียภาษีเป็นออปชั่นจะบังคับไม่ได้ ฉะนั้นมีแนวคิดที่จะทำให้ระบบการชำระภาษีสะดวกขึ้น ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ

นายอภิศักดิ์กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลจัดเก็บรายได้ยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย โดยผลการจดเก็บรายได้เดือนตุลาคม 2561 ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 2562 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 206,452 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 10,462 ล้านบาท หรือ 5.3% แสดงให้เห็นว่าการจัดเก็บรายได้ยังเป็นไปตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว แต่เนื่องจากรัฐบาลมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่หลายแสนล้านบาท จึงทำให้รัฐบาลยังต้องจัดงบประมาณขาดดุล ล่าสุดประเมินว่าการจัดทำงบประมาณของรัฐบาลจะเข้าสู่จุดสมดุลในช่วง 12 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นช่วงที่การใช้งบประมาณเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานนั้นดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว

มติชนออนไลน์