ขอบคุณข้อมูลจาก | ข่าวสด |
---|---|
เผยแพร่ |
สุเทพฯนำทีมบุกฐาน ปชป. ชาวบ้านตอนรับคึกคัก วอนแก้ปัญหายางพาราปาล์มตกต่ำ ยาหอมไปบ้านนายชวนฯไม่ใช่ตีฐานเสียง แต่เพราะด้วยรักและผูกพัน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย เดินคารวะแผ่นดินและหาสมาชิกพรรค ที่ จ.ตรัง โดยเน้นบริเวณตลาดสด และตามย่านการค้า ในเขตเทศบาลนครตรัง และได้ถือโอกาสนี้เข้าไปเยี่ยมบ้านพักนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ถ.วิเศษกล ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง
โดยมีเพียงนายระลึก หลีกภัย น้องชายนายชวน ให้การต้อนรับเพียงผู้เดียว เหมือนไม่ทราบล่วงหน้ามาก่อน โดยทั้งค่มีการพดคยกันด้วยเวลาเพียงสั้น ๆ ซึ่งนายระลึกฯ ก็ได้มอบน้ำดื่มขวดเล็กๆ ให้เป็นกำลังใจ พร้อมบอกว่า เป็นน้ำที่ได้มีการปลุกเสกแล้ว จากนั้นคณะของนายสุเทพ ก็เดินทางลงพื้นที่พบปะ เชิญชวน ชาว จ.ตรัง ให้ร่วมเป็นเจ้าของพรรครวมพลังประชาชาติไทย ซึ่งก็ได้รับการต้อนรับจากพ่อค้า แม่ค้า ร่วมถึงประชาชนในตลาดสดฯ อย่างคึกคัก โดยชาวบ้านบางคนก็ขอให้ช่วยดูแลเรื่องราคายางพาราและปาล์มน้ำมัน และภาวะเศรษฐกิจที่กำลังฝืดเคืองในขณะนี้
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ให้สัมภาษณ์ การเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ในหลายจังหวัดตรังนี้ไม่ใช่เป็นการหาเสียงแต่เป็นการเดินคาราวะแผ่นและเชิญชวนให้ประชาชนร่วมเป็นเจ้าของพรรครวมพลังประชาชาติไทย และเป็นพรรคเดียวในประเทศไทยที่ทกคนสามารถเป็นเจ้าของพรรคการเมืองได้
และการเดินทางไปที่บ้านนายชวน หลีกภัย หรือตนเองเรียกว่าบ้านแม่ถ้วน หลีกภัย นั้น เป็นเรืองปกติธรรมดา เพราะตนเองเคยชินกับบ้านหลังนี้และส่วนตัวชื่นชนแม่ถ้วนฯ ที่เป็นชาวบ้านธรรมดา แต่สามารถอบรมเลี้ยงลกได้เป็นถึงนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนเองให้ความเคารพรัก ทั้งแม่ถ้วนและนายชวนฯมาโดยตลอด และเฉพาะนายชวนฯเองก็ถือเป็นต้นแบบทางการเมือง ที่มีความผกพันกันมาอย่างช้านาน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า รักกัน ผูกพันกัน แต่การทำงานทางการเมืองจะต้องรวมกัน
ตนคิดว่ามันละเรื่องกัน พรรครวมพลังประชาชาติไทย สามารถทำงานร่วมกันกับพรรคการเมืองใดก็ได้ ที่มีอดมการณ์ทางการเมืองคล้ายๆกัน เหมือนๆ กัน และต้องเป็นพรรคที่มีเจตนารมณ์จะปฎิรปประเทศไทย และมีความจงรักภักดิ์ดี ต่อสถาบันพระมหากษํัริย์ ส่วนพรรคเพื่อไทย(เดิม) นั้นคงไม่สามารถร่วมทำงานกันได้เพราะมีความเห็นทางการเมืองกันคนละขั้วอยู่แล้ว ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน
ส่วนปัญหาราคายางพาราและปาล์มน้ำมันที่กำลังตกต่ำในขณะนี้ ถ้าย้อนเวลาไปสมัยตนเป็นรองนายกรัฐมนตรีฯ ตอนนั้นปีชาวสวนยางขายได้ราคาที่ 170 บาท ปาล์มอย่ที่ กก.ละ 9-10 บาท และไม่ใช่เป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้ ไม่ใช่เป็นโรคที่รักษาไม่หาย แต่ต้องมีหมอฝีมือดี และมีความตั้งใจ เอาใจใส่ ในการแก้ปัญหา และตนเองมั่นใจว่า พรรครวมพลังประชาชาติไทย ทำได้อย่างแน่นอน