วันที่ 26 กรกฎาคม 2561 เว็บไซต์เดลี่เมล์ รายงานถึงผลของการสร้างแผนที่สื่อสารกัน หรืออินเตอร์แอคทีฟ แสดงภูมิอากาศโลกที่ได้จากการดึงข้อมูลมารวมกันระหว่าง ซูเปอร์ คอมพิวเตอร์ ของหน่วยงานพยากรณ์อากาศสำคัญ เพื่อสร้างแผนที่ทางสภาพอากาศให้มีข้อมูลครอบคลุมทั่วโลก ผลออกมาเผยให้เห็นถึงอุณหภูมิที่สูงขึ้นทั่วโลก

สำหรับสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นทั่วโลกสำหรับฤดูร้อนให้หลายประเทศซีกโลกเหนือ อย่างที่ประเทศอังกฤษอุณหภูมิสูงสุดถึง 33 องศา ส่วนสวีเดนเพิ่งจะทำลายสถิติร้อนที่สุดในรอบ 100 ปี

รวมไปถึงญี่ปุ่นที่มีอาการร้อนแตะ 41.1 องศา มีผู้เสียชีวิตกว่า 65 ราย และเข้าโรงพยาบาลจำนวนไม่น้อย ส่วนที่สหรัฐ อย่างทางใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย มีอุณหภูมิสูงถึง 38 องศา และในประเทศซาอุดีอาระเบีย ร้อนถึง 46 องศา

คลื่นความร้อนที่เกิดขึ้นคาดว่าจะสิ้นสุดลงปลายเดือนสิงหาคม ซึ่งคลื่นความร้อนเป็นผลมาจาก ความกดอากาศสูงที่ยังคงตัวอยู่ในแต่ละภูมิภาค อีกยังเป็นตัวหยุดไม่ให้มวลอากาศเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออก

ความกดอากาศสูงยังทำให้กระแสลมกรด หรือ เจ็ตสตรีมลดความแรงลง จนทำให้ความร้อนให้หลายพื้นที่เพิ่มข้น รวมไปถึงในมหาสมุทรแอตแลนติก

ด้านศาสตราจารย์เลน ชัฟฟรีย์ จากมหาวิทยาลัยเรดดิ้ง กล่าวว่าความกดอากาศสูงบังคับให้พายุที่เดิมต้องพัดเข้า เกาะอังกฤษ ยุโรป หันทิศขึ้นไปทางเหนือมุ่งสู่เกาะไอซ์แลนด์

ชาวญี่ปุ่นเล่นน้ำคลายร้อน ท่ามกลายอุณหภูมิที่สูงทะลุ 30 องศา / AFP PHOTO / Kazuhiro NOGI

คลื่นความร้อนที่มีกับความกดอากาศสูง ปกติแล้วจะเกิดขึ้นเป็นประจำในทุกช่วงฤดูร้อน หรือประมาณช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ของทุกปี แต่ปกติความกดอากาศสูงมักจะไม่ได้คงตัวอยู่นาน

ส่วนเรื่องกระแสลมกรดที่มีส่วนสำคัญอย่างมากในการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิพื้นผิวของทะเล

ศาสตราจารย์อดัม สไคฟ์ จากกรมอุตุนิยมวิทยาอังกฤษ เผยว่า กระแสลมกรดทำให้กระแสลมที่พัดวนรอบแอตแลนติกลดกำลังลง ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้เคยเกิดขึ้นเหมือนกับปี 2519

ทั้งนี้ แผนที่โต้ตอบถึงภูมิอากาศทั่วโลกนำเสนอผ่านเว็บไซต์ earth.nullschool.net จัดทำโดยนายคาเมรอน เบกการิโอ วิศวกรด้านซอฟต์แวร์