วันที่ 26 กรกฎาคม 2561 เว็บไซต์อิรวดีของพม่ารายงานว่า การประชุมพิจารณาร่างงบประมาณประจำปี 2561-2562 ในวันนี้ เริ่มขึ้น โดยมีตัวแทนจาก 22 กระทรวง และหน่วยงานระดับสหภาพอีก 11 แห่งเข้าเสนอแผนของบประมาณ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่ดำเนินการตามกรอบเวลางบประมาณตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2561-30 กันยายน 2562

โดยงบประมาณที่พิจารณาเมื่อวานนี้ เป็นของ 6 จาก 11 หน่วยงานระดับสหภาพ (สำนักรัฐบาลสหภาพ,สำนักงานอัยการสูงสุด,ศาลรัฐธรรมนูญ,สำนักงานตรวจสอบกลาง,คณะกรรมการเลือกตั้งสหภาพและสำนักงานรัฐสภา) และ 11 กระทรวง ประกอบด้วย กลาโหม,มหาดไทย,กิจการพรมแดน,การต่างประเทศ,สำนักมุขมนตรีรัฐ,ข้อมูลสารสนเทศ,ศาสนาและวัฒนธรรม,การเกษตร ปศุสัตว์และชลประทาน,คมนาคม,ทรัพยากรธรรมชาติและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และสำนักประธานาธิบดี ซึ่งตัวแทนรัฐบาลจะดำเนินการเสนอร่างงบประมาณในวันนี้

พลตรี มินท์ วีย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมพม่ากล่าวต่อสภาว่า งบประมาณกลาโหมปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 5.7 หมื่นล้านจัตต์ จากงบประมาณจริงปีที่แล้วที่ 3.1 ล้านล้านจัตต์ โดยได้อธิบายสาเหตุของการเพิ่มงบประมาณเพื่อใช้ในแผนปรับปรุงกองทัพพม่าในระยะยาวให้เป็นกองทัพตามมาตรฐานทั้ง 3 เหล่า และครอบคลุมไปถึงเงินเดือนและการสนับสนุนบุคลากรในกองทัพ ยุทโธปกรณ์ การก่อสิ่งปลูกสร้าง ปฏิบัติทางทหารและค่าใช้จ่ายอื่นๆ แต่พลตรีวีย์ยังไม่ได้เปิดเผยตัวเลขที่แท้จริงของกำลังพลและรายละเอียดอุปกรณ์ที่กองทัพมีแผนจัดซื้อ

ด้านนายไซ ทิฮา จ่อว์ สมาชิกสภาพรรคเอ็นแอลดี (สันนิบาตเพื่อประชาธิปไตย)จากรัฐฉานกล่าวว่า งบประมาณกลาโหมจะอยู่ในสัดส่วน 13-14% ของงบประมาณแผ่นดินมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2555-2556 ซึ่งแน่ใจว่างบประมาณกลาโหมจะอยู่ช่วง 13-14% แม้งบประมาณภาพรวมจะเพิ่มขึ้นทุกปีก็ตาม อย่างไรก็ตาม การใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ของของกองทัพพม่าถือว่าอยู่ในมาตรฐานสูง

ตามข้อมูลของสมาชิกรัฐสภาระบุว่า สัดส่วนงบประมาณปีหน้าทั้งหมดตามที่แต่ละกระทรวงเสนอพบว่า กระทรวงการคลังและวางแผนขอมากสุดถึง 22.9% ตามด้วย กระทรวงไฟฟ้าและพลังงาน 22.2%, กลาโหม 13.07%, ศึกษาธิการ 8.7% คมนาคมและการสื่อสาร 5.3% และสาธารณสุขและการกีฬา 4.6% โดยที่กระทรวงการคลังและวางแผนอยู่ในอันดับสูงที่มีโครงการที่ก่อให้เกิดรายได้ คิดเป็นสัดส่วน 42.6% ตามด้วยกระทรวงพลังงาน 25.7% และคมนาคม 8%

สำหรับพม่ามีงบประมาณแผ่นดินประจำปีอยู่ที่ 24.9 ล้านล้านจัตต์ ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ 20.05 ล้านล้านจัตต์ รวมทั้งเงินกู้ต่างชาติ โดยตั้งอยู่ในภาวะขาดดุลงบประมาณ 4.9 ล้านล้านจัตต์ แต่ถือว่าสูงกว่างบประมาณประจำปี เม.ย.60-มี.ค.61 ที่ได้งบประมาณอยู่ที่ 20.59 ล้านล้านจัตต์และมีงบประมาณขาดดุลอยู่ที่ 4.38% ซึ่งการเพิ่มขึ้นตรงนี้คาดว่ามาจากการการเพิ่มหนี้ต่างชาติกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ จากปีที่แล้วที่ 9 พันล้านดอลลาร์

นายจ่อว์กล่าวว่า ทั้งนี้ ทีมประเมินกว่า 20 ชุดของรัฐสภาสหภาพจะกลั่นกรองแบบยื่นของบประมาณและส่งต่อให้กับคณะกรรมการบัญชีสาธารณะภายใน 2 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะเป็นผู้พิจารณาอนุมัติงบประมาณก่อนเดือนตุลาคมนี้