วันที่ 25 กรกฎาคม 2561 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า บริษัท เฟซบุ๊ก โซเชียลแพลตฟอร์มชื่อดังของสหรัฐฯได้ออกมากล่าวว่า ทางบริษัทได้ใช้เครื่องมือเชิงเทคนิคหลายอย่างรวมถึงการใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอเพื่อตอบโต้ปฏิบัติการไซเบอร์ไม่ว่าจากรัสเซียหรือกลุ่มใดที่ใช้เทคนิคหลอกลวงหรือข้อมูลปลอมเพื่อบงการความคิดประชาชน ก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้

การแถลงสรุปของเฟซบุ๊กเมื่อวานนี้ ยังมีแถลงของเนธานเนล กลีเชอร์ หัวหน้านโยบายความมั่นคงไซเบอร์และเทสซ่า ลียง ผู้จัดการส่วนนิวส์ฟีดกลางของเฟซบุ๊ก ตามมาก่อนการเผยแพร่ข้อความภายในถึงพนักงานจากประธานเจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยที่ระบุว่า มีความสำคัญอย่างมากแต่การปฏิบัติของหลายบริษัท

น.ส.เทสซ่า กล่าวว่า เฟซบุ๊กได้ดำเนินการที่ทำให้ปฏิบัติการของเฟซบุ๊กเป็นไปอย่างราบรื่นด้วยการตรวจความถูกต้องข้อเท็จจริงเพื่อระบุข้อมูลเท็จ โดยมีครั้งหนึ่ง พบบทความที่ระบุว่าเป็นเท็จ ผู้ใช้งานจะได้รับการเตือนก่อนจะแชร์และต่อมาปริมาณการเผยแพร่ลดลงถึง 80 เปอร์เซ็นต์

ด้านนายกลีเชอร์กล่าวว่า ผู้ใดที่จงใจส่งเสริมข้อมูลผิดบ่อยๆด้วยบัญชีผู้ใช้ปลอมเพื่อเพิ่มการพบเนื้อหาหรือขัดต่อมาตรฐานชุมชน ทั้งสองนี้เป็นแหล่งที่มาที่ทำให้ต้องลบโพสต์หรือทั้งเพจ และบริษัทกำลังใช้รูปแบบปัญญาประดิษฐ์ที่เรียกว่า เครื่องจักรเพื่อการเรียนรู้ที่ส่วนหนึ่งในความพยายามที่จะกำจัดเนื้อหาละเมิดเหล่านี้ออกไป

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ของเฟซบุ๊ก เกิดขึ้นหลังเผชิญเสียงวิจารณ์อย่างรุนแรงที่ปลอดปละละเลยการตรวจสอบเนื้อหาที่มีลักษณะโฆษณาชวนเชื่อทางการเมืองและข้อมูลปลอมในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเมื่อปี 2559 ซึ่งหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯชี้ว่ารัฐบาลรัสเซียเข้าแทรกแซงด้วยการทำสงครามข้อมูลข่าวสารผ่านการใช้โซเชียลมีเดีย และข้อถกเถียงนี้ยังไม่มีท่าทีว่าจะจบแม้ทางเฟซบุ๊กเริ่มระบบใหม่ที่ทำให้เห็นโฆษณาทางการเมืองที่เคลื่อนไหวบนเครือข่าย รวมถึงเฟซบุ๊กได้ออกมาย้ำเมื่อวานนี้ว่าจะยังไม่ทำการลบโพสต์เพียงเพราะว่าเป็นเท็จ อันเนื่องมาจากที่นายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอเฟซบุ๊กถูกวิจารณ์หนักกรณีปฏิเสธเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว (Holocaust denials) โดยออกมากล่าวว่าจะยังไม่ลบเนื้อหาหากเป็นเสียงที่จริงใจ

นอกจากนี้ นายอเล็กซ์ สเตโมส อดีตผู้จัดการฝ่ายความปลอดภัยที่ได้โพสต์เนื้อหาในเว็บไซต์ภายในองค์กรก่อนยื่นลาออก เรียกร้องให้เพื่อนร่วมงานสนใจรับฟังเกี่ยวกับคุณลักษณะอันน่าขยะแขยง เก็บข้อมูลให้น้อยลงและลดความสำคัญของการเติบโตและรายได้ระยะสั้นเพื่อฟื้นความน่าเชื่อถือ และรวมถึงให้ผู้นำองค์กรเลือกข้างเมื่อมีความชัดเจนต่อประเด็นศีลธรรมหรือมนุษยธรรม