หนุ่มเมืองจันท์ : “สุข” ในสิ่งที่ “เลือก”

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

ขอเขียนถึง “ตูน บอดี้สแลม” อีกครั้ง

ผมเพิ่งขึ้นเวทีสัมภาษณ์ “ตูน” ในงานหนังสือที่เชียงใหม่

สนุกมากครับ

ตามปกติ “ตูน” จะไม่ค่อยได้ออกงานแบบนี้นัก แต่ช่วงงานสัปดาห์หนังสือที่ผ่านมา เขาออกหนังสือเล่มหนึ่ง

“หนังสือเล่มที่ก้าว”

เป็นเรื่องเกี่ยวกับโครงการ “ก้าวทีละก้าว” ที่เขาวิ่งจาก กทม. ไปโรงพยาบาลบางสะพาน ประจวบคีรีขันธ์

400 กิโลเมตร

เขาเล่าถึงตอนที่บอก “ก้อย” แฟนสาวเรื่องโครงการนี้

ตอนนั้นเขาขับรถอยู่ “ก้อย” นั่งอยู่ข้างๆ

“หนู พี่จะวิ่งนะ”

“ค่ะ”

“วิ่งจาก กทม. ไปประจวบฯ”

“ค่ะ” ก้อยยังพูดคำเดิม แต่ถามต่อแบบไม่ได้คิดอะไรมาก

“กี่กิโลคะ”

“400 โล” เขาตอบ

“ตูน” บอกว่า “ก้อย” หันขวับมา แล้วหลุดมาคำเดียว

“บ้า…”

ครับ เป็นโครงการที่บ้ามาก

แต่ก็ประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม

หลังจบโครงการ สำนักพิมพ์อะบุ๊กก็เรียบเรียงเรื่องราวดังกล่าวมาเป็นหนังสือเล่มนี้

“ตูน” จึงปรากฏตัวในงานหนังสือตั้งแต่ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ที่ กทม.

และงานนี้ที่เชียงใหม่

ก่อนขึ้นเวทีผมมีโอกาสได้คุยกับ “ตูน” นานมาก

คุยเรื่องฟุตบอลตั้งแต่ทีมสุพรรณบุรีบ้านเกิด จนถึงทีมท็อตแนมฮ็อตสเปอร์ ทีมโปรดของเขา

“ตูน” เป็นคนชอบกีฬา

ตั้งแต่ปิงปอง วิ่ง และฟุตบอล

ตอนที่เรียนอยู่โรงเรียนสวนกุหลาบฯ “ตูน” ติดทีมโรงเรียนรุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี

ตอนที่แข่งกับโรงเรียนอื่น แม่ไปเชียร์ด้วย

“ตูน” เล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ ต้องเจอกับกองหลังของทีมคู่แข่งที่ตัวใหญ่มาก

เพราะสมัยนั้นยังมีการโกงอายุกันอยู่

“ตูน” ตัวเล็กๆ เจอเด็กโข่งไล่เบียดกระเด็นกระดอน

เขาเฉยๆ แต่แม่ตกใจกลัวว่าเขาจะเจ็บ

หลังจากแมตช์นั้น แม่ขอร้องให้ “ตูน” เลิกเล่นฟุตบอลโรงเรียน

กลัวว่าจะเจ็บหนัก

นั่นคือเหตุผลที่ “ตูน” เลิกเล่นบอลแบบจริงจัง เหลือแต่เล่นสนุกๆ กับเพื่อนๆ

ฟัง “ตูน” เล่าหลายครั้ง ผมรู้เลยว่าเขารักแม่มาก

เรียนนิติศาสตร์ จุฬาฯ ให้จบปริญญาตรีก็เพื่อ “แม่”

ทั้งที่เขารู้ว่าเส้นทางนี้ไม่ใช้เส้นทางที่เขารัก

เคยถามเขาบนเวทีครั้งหนึ่งว่าเวลามีปัญหาหนักๆ “ตูน” ทำอย่างไร

“ผมจะกลับไปบ้านที่สุพรรณบุรี”

มี 2 เหตุผลครับ

เหตุผลแรก เมื่อกลับบ้าน “ซูเปอร์สตาร์” ของเมืองไทยคนนี้ก็เหมือนกลับไปเป็นเด็กตัวเล็กๆ เหมือนเดิม

เขาจะมองปัญหาแบบ “คนตัวเล็ก”

และเหตุผลที่สอง

“เพราะที่บ้านมีแต่คนที่รักผม”

การอยู่ท่ามกลางคนที่รักเราแบบจริงใจ

“ปัญหา” ใหญ่แค่ไหนก็เล็กลงทันที

ตัดภาพกลับมาที่บนเวทีเสวนา

นอกจากเรื่องโครงการก้าวทีละก้าวแล้ว มี 2 เรื่องที่ผมจะขอให้ “ตูน” เล่าซ้ำแล้วซ้ำอีก

เผื่อใครไม่เคยอ่านเรื่องนี้

เรื่องแรก คือ คำสอนของ “อากู๋” ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม แห่งแกรมมี่

ตอนที่ “ตูน” บาดเจ็บครั้งใหญ่

“ไพบูลย์” สอนเขาว่าชีวิตก็เหมือนกับเลข 1

เราจะเพิ่ม 0 ข้างหลังกี่ตัวก็ได้

ดังนั้น เราต้องดูแลตัวเองให้ดี

เพราะถ้าไม่มีเลข 1

0 ข้างหลังกี่ตัวก็ไม่มีความหมาย

เป็น “คำสอน” ที่คมคายมาก

เรื่องที่สอง เป็นเรื่อง “วิธีคิด” ของเขาเวลาที่เจอแฟนเพลงที่เข้ามาขอลายเซ็นหรือถ่ายรูป

“ตูน” เป็นศิลปินที่น่ารักมาก เขาจะยิ้มถ่ายรูปหรือเซ็นชื่อให้แฟนเพลงทุกคน

ไม่มีหนี ไม่มีหลบ

ขนาดตอนวิ่ง เหนื่อยแค่ไหนก็ยังพร้อมถ่ายรูปหรือเซ็นชื่อ

ผมจะถามเรื่องนี้ซ้ำเป็นประจำ

เพราะอยากให้คนได้ฟัง “วิธีคิด” ของ “ตูน”

วันนี้แทนที่ “ตูน” จะตอบเลย เขากลับถามผมกลับ

“ถ้าพี่ตุ้มออกอัลบั้ม พี่มี 2 ทางเลือก”

ทางเลือกแรก คือ อัลบั้มนี้ขายดีมาก คนชอบเพลงของเราเหมือนกับที่เราชอบ มีคอนเสิร์ตก็ขายบัตรหมด รักเรา อยากเจอเรา

ทางเลือกที่สอง อัลบั้มที่ทำขายไม่ได้เลย ไม่มีใครชอบเพลงเรา มีคอนเสิร์ตก็ไม่มีคนดู เจอเราก็ไม่รู้จัก

“พี่จะเลือกทางไหน”

“ทางแรก” ผมตอบ

“ตูน” บอกว่าศิลปินทุกคนก็เลือก “ทางแรก”

เมื่อเราอยากให้เขารักเรา แล้วทำไมเมื่อเขามาหา แล้วเราถึงวิ่งหนี

“ผมว่าตรรกะนี้มันประหลาด”

“ตูน” บอกว่าเราต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง

“เมื่อเราเลือกแล้วก็ต้องรับมือกับผลที่ตามมา และมีความสุขกับมันให้ได้”

เป็น “มุมคิด” ที่ผมชอบมาก

เพราะโลกนี้ไม่มีอะไรฟรี

มี “รายรับ” ก็ต้องมี “รายจ่าย”

ชีวิตของเรา เราต้อง “เลือก”

เมื่อเลือกแล้วก็ยอมรับว่าผลที่ตามมาของการเลือกทางนี้เป็นอย่างไร

และมี “ความสุข” กับสิ่งนั้นให้ได้

วกมาเรื่องโครงการ “ก้าวทีละก้าว” อีกครั้ง

คำถามสุดท้าย ผมบอกว่าในหนังสือเล่มนี้ “ตูน” เขียนว่าอยากให้คนตัวเล็กๆ ได้รู้ถึงพลังเล็กๆ ของตัวเอง

“วันนี้ตูนอยากฝากอะไรให้กับคนตัวเล็กๆ ทุกคนบ้างครับ”

“ผมขอตอบด้วยเรื่องนี้ดีกว่าครับ”

“ตูน” เล่าว่ามีอยู่วันหนึ่งเขาไปเดินร้านหนังสือ มีน้องคนหนึ่งมาขอถ่ายรูป

เขาบอกว่าเขากำลังเรียนครูอยู่

น้องคนนี้ขอบคุณ “ตูน” ที่ทำโครงการนี้ขึ้นมา

“ผมสัญญาว่าจะเป็นครูที่ดี จะทำเพื่อคนอื่น และจะสอนนักเรียนให้ทำแบบนี้”

“ตูน” บอกว่าเขาไม่เคยคิดว่าจะมีใครมาทักเขาแบบนี้

“มันเป็นกำลังใจที่ดีมาก”

ครับ การวิ่งของ “ตูน” เพื่อคนอื่นครั้งนี้สร้างแรงบันดาลใจให้คนมากมาย

และคำทักทายของเด็กหนุ่มคนนี้ก็สร้างแรงบันดาลใจให้กับ “ตูน” เช่นกัน

ผมอยากจบเรื่องนี้ด้วยคำสั้นๆ ที่มีความหมายดี

…เราต่างเป็นแรงบันดาลใจให้แก่กัน…

หนังสือเล่มนี้ดีมากครับ