ทำไม “สตูดิโอ จิบลิ” จึงยอมปล่อยหนังลง “เน็ตฟลิกซ์”? | คนมองหนัง

คนมองหนัง

ขณะที่หลายคนต้องใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในบ้าน ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา

คงมีเราๆ ท่านๆ จำนวนไม่น้อยที่เลือกจะเสพความบันเทิงจากแพลตฟอร์มดูหนังออนไลน์ชื่อดังอย่าง “เน็ตฟลิกซ์”

นับเป็นเวลาประจวบเหมาะพอดีกับการที่ “เน็ตฟลิกซ์” ได้สิทธิ์นำภาพยนตร์แอนิเมชั่นชั้นเยี่ยมของ “สตูดิโอ จิบลิ” รวม 21 เรื่องมาเผยแพร่ลงในแพลตฟอร์มของตนเอง ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ (ยกเว้นสหรัฐอเมริกา, แคนาดา และญี่ปุ่น)

อย่างไรก็ตาม คำถามข้อหนึ่งที่คอหนังยังคงสงสัยคือ ทำไม “สตูดิโอ จิบลิ” จึงยอมดำเนินธุรกิจกับ “เน็ตฟลิกซ์”? ทั้งๆ ที่บริษัทผลิตภาพยนตร์แอนิเมชั่นชื่อดังระดับโลกจากประเทศญี่ปุ่นมักมีนโยบายการจัดจำหน่ายผลงานในเชิง “อนุรักษนิยม” มาโดยตลอด

ครั้งหนึ่ง เมื่อ “ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน” ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ชื่อดังของฮอลลีวู้ด (ซึ่งปัจจุบันต้องโทษจำคุกในข้อหากระทำอาชญากรรมทางเพศ) เคยแสดงความต้องการว่าเขาจะทำการตัดทอนเนื้อหาบางส่วนของหนังแอนิเมชั่นเรื่อง “Princess Mononoke” ฉบับเข้าฉายในสหรัฐ

ปฏิกิริยาที่ “สตูดิโอ จิบลิ” สนองตอบไปถึง “ไวน์สตีน” ก็คือ ดาบซามูไรหนึ่งเล่มพร้อมข้อความระบุชัดเจนว่า “ไม่ตัด”

นอกจากนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่า “ฮายาโอะ มิยาซากิ” คนทำหนังระดับตำนานและหนึ่งในผู้ก่อตั้ง “สตูดิโอ จิบลิ” นั้นมีท่าทีไม่ค่อยเป็นมิตรกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น สมาร์ตโฟน และไอแพดมากนัก

“ฮายาโอะ มิยาซากิ” โดย YOSHIKAZU TSUNO / AFP

แล้วเหตุใด “มิยาซากิ” และทีมงาน จึงยอมโอนอ่อนต่อ “เน็ตฟลิกซ์”?

ผู้ที่อธิบายเรื่องราวทั้งหมดนี้ได้อย่างกระจ่างแจ้ง คือ “โตชิโอะ ซูซูกิ” เพื่อนสนิทของ “มิยาซากิ” โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ และผู้ร่วมก่อตั้ง “สตูดิโอ จิบลิ”

“ซูซูกิ” เปิดเผยรายละเอียดของดีลธุรกิจกับทาง “เน็ตฟลิกซ์” เมื่อเขาไปร่วมงานเปิดตัวหนังสือภาพเล่มใหม่ของ “พิพิธภัณฑ์จิบลิ” โดยระบุว่า พื้นที่เช่นโรงภาพยนตร์และสื่อกลางอย่างดีวีดียังถือเป็นสิ่งสำคัญ แต่กระบวนการจัดจำหน่ายแบบอื่นๆ หรือทางออนไลน์ ก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

ในห้วงเวลาที่กระแสความคิดเรื่องการต่อต้าน-ปฏิเสธกระบวนการสตรีมหนังบนแพลตฟอร์มออนไลน์ดูเหมือนจะตกยุคไปแล้ว

ทว่าปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่สุดที่ผลักดันให้ “สตูดิโอ จิบลิ” ยอมรับข้อเสนอของ “เน็ตฟลิกซ์” ก็ได้แก่ “เรื่องเงิน”

“ซูซูกิ” เอ่ยปากกล่อม “มิยาซากิ” ด้วยข้อแลกเปลี่ยนสุดเรียบง่ายว่าเม็ดเงินที่ทาง “เน็ตฟลิกซ์” ทุ่มทุนมาให้นั้น สามารถนำเอามาปิดโปรเจ็กต์ภาพยนตร์ของเพื่อนรักได้อย่างสบายๆ

“ฮายาโอะ มิยาซากิ กำลังทำหนังเรื่องใหม่ ซึ่งใช้เวลาผลิตยาวนานมากๆ สิ่งที่ย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดาก็คือ เราต้องการทุนสร้างจำนวนมหาศาลเช่นกัน ผมจึงบอกเขา (มิยาซากิ) ว่าเม็ดเงินของเน็ตฟลิกซ์มีมากพอที่จะนำมาสร้างสรรค์หนังเรื่องนั้นจนจบ พอผมพูดแค่นั้น เขาก็ตอบว่าโอเค ฉันคงไม่มีอะไรจะคัดค้านอีกแล้ว”

โปรดิวเซอร์แห่ง “สตูดิโอ จิบลิ” เล่า

ในมุมมองของ “ซูซูกิ” ภารกิจชักชวนให้ “มิยาซากิ” ยอมปล่อยหนังของ “สตูดิโอ จิบลิ” ลงบนแพลตฟอร์มออนไลน์นั้นไม่ใช่เรื่องลำบากยากเข็ญอะไรมากมาย

“ประเด็นแรกเลยคือ ฮายาโอะ มิยาซากิ เขาไม่รู้ชัดๆ หรอกว่าบริการสตรีมมิ่งวิดีโออย่างเน็ตฟลิกซ์นั้นคืออะไร เพราะเขาไม่เคยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ไม่เคยใช้สมาร์ตโฟน ดังนั้น พอคุณพูดกับเขาถึงเรื่องการจัดจำหน่ายภาพยนตร์ผ่านเทคโนโลยีดิจิตอล เขาเลยทำได้แค่นั่งฟังมันอย่างไม่ค่อยเข้าใจมากนัก”

การเจรจาต่อรองเช่นนี้วางพื้นฐานอยู่บนโครงสร้างการทำงานของ “สตูดิโอ จิบลิ” ซึ่ง “ซูซูกิ” จะรับผิดชอบภารกิจด้านบริหารการเงินและการจัดจำหน่าย ขณะที่ “มิยาซากิ” มุ่งเน้นความใส่ใจไปที่กระบวนการสร้างสรรค์ผลงาน

ข้อสงสัยท้ายสุดที่หลายคนอยากทราบก็คือ ทำไม “สตูดิโอ จิบลิ” จึงเลือก “เน็ตฟลิกซ์” ไม่ใช่ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์เจ้าอื่น? (นอกจากเรื่องเงิน)

“กับเน็ตฟลิกซ์ เราได้เริ่มเห็นภาพยนตร์ใหม่ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับบริการสตรีมมิ่งโดยเฉพาะ ซึ่งผมมองว่านั่นเป็นสิ่งน่าสนใจ ขณะเดียวกันเน็ตฟลิกซ์ยังตัดสินใจอนุมัติให้จัดสร้างหนัง ซึ่งไม่มีทางได้รับความเห็นชอบจากบริษัทผลิตภาพยนตร์ทั่วไปในยุคก่อนหน้านี้ ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้ด้วยการจัดจำหน่ายในระบบออนดีมานด์ และผมก็คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีมากๆ”

หนึ่งในผู้ก่อตั้ง “สตูดิโอ จิบลิ” อธิบาย

และสำหรับผู้กำกับฯ อาวุโสระดับตำนาน เช่น “ฮายาโอะ มิยาซากิ” ซึ่งยอมตัดสินใจยกเลิกประกาศเกษียณอายุของตนเอง แล้วหวนกลับมาสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นขนาดยาวเรื่องสุดท้าย เพื่อเป็นมรดกตกทอดไปสู่หลานๆ

ในที่สุดเขาก็จะสามารถปิดฉากชีวิตการทำงานได้อย่างสวยงาม ด้วยเงินทุนของผู้จัดจำหน่ายหนังบนโลกดิจิตอล

ข้อมูลจาก https://soranews24.com/2020/03/09/why-did-hayao-miyazaki-agree-to-release-studio-ghibli-anime-films-on-netflix/