ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 21 - 27 ธันวาคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | ภาพยนตร์ |
ผู้เขียน | นพมาส แววหงส์ |
เผยแพร่ |
ภาพยนตร์/นพมาส แววหงส์
LIFE ITSELF
‘ไว้ใจไม่ได้’
กำกับการแสดง Dan Fogelman
นำแสดง Oscar Isaac Olivia Wilde Olivia Cooke Mandy Patinkin Annette Bening Antonio Banderas
หนังดราม่าเรื่องนี้เล่าเรื่องเหมือนตั้งใจให้เป็นภาพจิ๊กซอว์ที่ประกอบจากชิ้นส่วนต่างๆ ซึ่งต้องนำมาประกอบเข้าด้วยกันให้เป็นภาพของเรื่องเล่าที่สมบูรณ์
มีองค์ประกอบของการหักมุมและเชื่อมต่อหลายส่วนอย่างที่ไม่นึกไม่ถึงมาก่อน
ดังนั้น จึงน่าติดตามขณะที่เรื่องค่อยๆ เชื่อมโยงผูกเป็นเรื่องราวของผู้คนหลากหลาย จึงขอเตือนสปอยเลอร์ไว้ล่วงหน้าตรงนี้เลยนะคะ เพราะเป็นการยากที่จะพูดถึงองค์ประกอบหลายชิ้นส่วนโดยไม่เผยเรื่องราวมากเกินไป
อาจมีการเผอเรอพลั้งปากออกมาได้โดยไม่ตั้งใจก็ได้ค่ะ
ดังนั้น ถ้าใครนึกไว้ว่าจะไปดูหนังอยู่แล้วก็เชิญไปดูเสียก่อนอ่านบทความนี้จะดีกว่านะคะ เดี๋ยวจะเสียรสชาติของความเซอร์ไพรส์ถ้าได้รู้หรือเดาได้ล่วงหน้าแล้ว
หนังเป็นผลงานเขียนบทและกำกับฯ โดยแดน โฟเกลแมน และเห็นได้ชัดว่าได้แรงบันดาลใจจากหนังต้นแบบเรื่อง Pulp Fiction ที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใครของเควนติน ทาแรนทิโน
นับตั้งแต่การเล่าเรื่องที่แบ่งเป็นตอนๆ แต่ละตอนมีชื่อตอนกำกับ และการเดินเรื่องไม่เรียงตามลำดับเหตุการณ์ แต่ต้องนำมาประมวลเข้าด้วยกันจึงจะลงตัว
ฉากสำคัญฉากหนึ่งในชีวิตตัวละครเกิดขึ้นในฉากสารภาพรักของชายหนุ่มที่แต่งแฟนซีในชุดของจอห์น ทราโวลตา ขณะที่แฟนสาวแต่งแฟนซีเป็นอุมา เทอร์แมน ตามแบบที่เล่นในเรื่อง Pulp Fiction
แถมยังใช้เสียงของแซมวล แอล. แจ๊กสัน ซึ่งเป็นตัวละครสำคัญใน Pulp Fiction มาเป็นเสียงเล่าในช่วงเปิดเรื่อง โดยแจ๊กสันมาปรากฏตัวให้เห็นในฉากแวบหนึ่งในฐานะนักแสดงรับเชิญ
แต่นอกเหนือจากรูปแบบและนักแสดงตามที่น้อมคารวะไว้ข้างต้นแล้ว Life Itself ก็แตกต่างโดยสิ้นเชิงจาก Pulp Fiction ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเนื้อหา ตัวละคร บรรยากาศและองค์รวมทั้งหมด
นอกจากหนังคลาสสิคของทาแรนทิโนเรื่องนั้นแล้ว ศิลปินนักร้องอีกคนที่หนังเทิดทูนคือ บ๊อบ ดีแลน โดยที่ตัวเอกในเรื่องชื่นชอบดีแลนมาก โดยเฉพาะจากอัลบั้มชุด Time Out of Mind ซึ่งเป็นการกลับมาอย่างสวยงามของบ๊อบ ดีแลน…ถึงขนาดที่เอาชื่อดีแลนไปตั้งเป็นชื่อลูกสาว ซึ่งจะเป็นคนรุ่นต่อไปในกลุ่มตัวละครหลายหลากที่ถักทอเข้าด้วยกัน
ตัวละครตัวหนึ่งเสนอจะทำวิทยานิพนธ์สำหรับสาขาวิชาวรรณคดี โดยตั้งสมมติฐานว่าการเล่าเรื่องทั้งหลายทั้งปวงนั้นเราจะไว้ใจผู้เขียนหรือผู้เล่าไม่ได้เลย เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไรเขาหรือเธอจะพูดความจริงหรือหลอกให้เราหลงเชื่อก่อนแล้วค่อยไปพลิกเรื่องไปคนละทางทีหลัง
แล้วยิ่งเมื่อ “ตัวชีวิตเอง” เป็นผู้เล่าเรื่องก็ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะเราไว้ใจชีวิตไม่ได้เลยว่าจะไม่พลิกเรื่องไปคนละทาง หรือเอาเรื่องโน้นมาผูกเข้ากับเรื่องนี้อย่างเหนือคาด
นี่ถ้าพูดแบบพุทธปรัชญาก็ต้องบอกว่า ชีวิตไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน ไม่มีอะไรเป็นไปดังใจเรา ทุกสิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่ล้วนแล้วแต่เป็นอนิจจัง…
ซึ่งเป็นความจริงแท้แน่นอนอย่างเดียวที่มีอยู่ในโลก..
เหตุการณ์อันไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นที่ซีกโลกหนึ่งส่งผลต่อผู้พบเห็นที่มาจากอีกซีกโลกหนึ่งอย่างไม่มีใครจะนึกถึง
เรื่องแรกเกิดขึ้นในนิวยอร์ก เป็นเรื่องของวิลล์ (ออสการ์ ไอแซ็ก) ผู้เสียสติไปจากการประสบโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ในชีวิตอย่างไม่คาดฝัน หลังจากนั้นหลายเดือนเขาถูกส่งตัวไปอยู่โรงพยาบาลโรคจิต และกลายเป็นคนไข้จิตเวชของจิตแพทย์ (แอนเน็ต เบนิ่ง)
หนังเล่าเรื่องด้วยสีสันแบบคอเมดี้ด้วยองค์ประกอบพลิกเรื่องเหนือคาด เริ่มด้วยความไว้ใจผู้เล่าเรื่องไม่ได้ เพราะผู้เล่าจับเหตุการณ์จากมุมมองของตนหรือไม่ก็เอาเรื่องจริงไปปนกับจินตนาการ
ดังนั้น กว่าเราจะเชื่อได้ว่าอะไรเกิดขึ้นจริงหรือไม่จริง เรื่องราวจึงต้องเล่าใหม่ย้อนกลับไปมาอยู่หลายหน
เรื่องของเรื่องคือวิลล์หลงรักแอบบี้ (โอลิเวีย ไวลด์) และแต่งงานจนลูกใกล้จะคลอดอยู่แล้ว แต่แล้วเกิดเหตุเหนือคาดขึ้นโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ไม่มีเค้าลางมาก่อนและกะทันหันจนเขาทำใจไม่ได้
อุบัติเหตุครั้งนั้นมีเด็กชายชาวสเปนที่พ่อแม่พามาเที่ยวนิวยอร์กได้เห็นอย่างใกล้ชิด และส่งผลที่จะพลิกชีวิตเขาจากหน้ามือเป็นหลังมือ
เหตุการณ์ข้ามไปเล่าเรื่องของตัวละครอีกกลุ่มที่ใช้ชีวิตอยู่ในสเปน หนุ่มใหญ่ชายโสดเจ้าของไร่องุ่นชื่อมิสเตอร์ชัชชิโอเน (อันโตนิโอ บันดาเรส) จ้างผู้จัดการไร่ชื่อฮาเวียร์ (เซอร์จิโอ เปริส มานเชตา) ซึ่งมีภรรยาชื่ออิซาเบล (ลาอีอา คอสตา) และมีลูกชายชื่อโรดริโก (อเล็กซ์ มอนเนอร์)
โชคชะตานำพาชีวิตให้พลิกผันไปในทางที่ไม่มีใครคาดมาก่อนล่วงหน้า
และโรดริโกจะเป็นตัวเชื่อมระหว่างตัวละครในนิวยอร์กกับในสเปน
และเหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงหลายสิบปีในชีวิตของตัวละครหลายกลุ่ม
ทุกคนประสบการพลัดพรากและโศกนาฏกรรมของชีวิต
นั่นเป็นความหมายที่หนังต้องการจะบอกว่าเราไว้ใจชีวิตไม่ได้
หนังสนุกดีนะคะ แต่ก็ยังมีช่องโหว่ให้ติติงได้หลายจุด ซึ่งอาจเป็นความตั้งใจของผู้กำกับฯ ซึ่งเป็นคนเดียวกับคนเขียนบทก็ได้
ประการหนึ่งคือ หนังไม่ได้ใช้สีสันของสภาพแวดล้อมและบรรยากาศอันแตกต่างของยุคสมัยมาช่วยเล่าเรื่อง ดังนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาที่แตกต่างกันเป็นทศวรรษ จึงดูเหมือนอยู่ในยุคสมัยเดียวกันไปหมดและขาดความสมจริง
ทว่า ที่บอกว่าผู้กำกับฯ-ผู้เขียนบทอาจตั้งใจก็ได้ เพราะอาจอยากโยนความสมจริงทิ้งไป ให้เหลืออยู่เพียง “เรื่องเล่าที่ไว้ใจไม่ได้” ตามความหมายของเรื่อง
อีกครั้งที่ชวนให้สะกิดใจถึงชื่ออัลบั้มเพลงของบ๊อบ ดีแลน ซึ่งเป็นชุดโปรดของตัวละครในเรื่อง
Time Out of Mind น่าจะตีความได้ว่าพูดถึงกาลเวลาที่เกิดจากความรู้สึกนึกคิดจิตใจ อันเป็นเรื่องของอัตวิสัย (subjective) ไม่ใช่ภววิสัย (objective)
หนังแบ่งเป็นสี่บท ตามด้วยภาคผนวกหรือบทส่งท้าย
ในส่วนของเหตุการณ์ในสเปน ตัวละครพูดกันอย่างสมจริงด้วยภาษาสเปนโดยมีซับไตเติล และใช้นักแสดงหนุ่มรูปงามระดับแนวหน้าเชื้อสายสเปนซี่งกลายมาเป็นดาราฮอลลีวู้ดที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดี คราวนี้เราได้ฟังอันโตนิโอ บันดาเรส กลับไปพูดภาษาแม่ของตัวเองอย่างคล่องแคล่ว และบทบาทอันอบอุ่นของเขาชนะใจคนดูไปเลย
แอนเน็ต เบนิ่ง ก็เป็นนักแสดงคนโปรดคนหนึ่งของผู้เขียน แม้จะมีบทบาทไม่มากในหนัง แต่ก็ทำให้หนังมีน้ำหนักและหนาแน่นขึ้นมาก แอนเน็ตเป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงที่เปลี่ยนไปน้อยมากในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา
ดูหนังชีวิตเรื่องนี้แล้วก็ทำให้ปลงได้เหมือนกันว่าชีวิตหักมุมผันแปรอยู่ตลอดเวลา โดยหาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้
สนุกนะคะสำหรับคนชอบดูหนังชีวิต