ขอแสดงความนับถือ

ขอแสดงความนับถือ

 

มติชนออนไลน์ รายงานว่า

สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม

หลังทราบผลโหวตเลือกนายกฯ ครั้งที่ 1 ของไทย

ที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากพรรคก้าวไกล ได้คะแนนโหวตจากที่ประชุมสภาทั้ง ส.ส. และ ส.ว. ไม่เพียงพอ

“ผมขอประกาศในวันนี้ว่า การที่นายพิธาได้คะแนนโหวตไม่เพียงพอต่อการเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย นับเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ของกลุ่มขั้วการเมืองตรงข้ามของผมในกัมพูชา ผมไม่ได้หมายความว่าตัวเองเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของไทย แต่ประเด็นของผมคือ ที่ผ่านมา พวกกบฏต่างคาดหวังว่า ถ้านายพิธาได้เป็นนายกรัฐมนตรีของไทย พวกเขาจะใช้พื้นที่ชายแดนที่ติดกับไทยในการประท้วงต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา ตอนนี้ความคาดหวังของฝ่ายตรงข้ามมลายหายไปเหมือนกับเกลือในทะเลแล้ว”

สมเด็จฮุน เซน ระบุด้วยว่า “อย่าเล่นการเมืองโดยหวังพึ่งคนอื่น นี่คือข้อความจากผม ด้วยความปรารถนาดีถึงกลุ่มหัวรุนแรงทั้งหลาย”

หลังสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ทวีตข้อความ

ปรากฏว่า ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวไทยเข้าไปแสดงความไม่พอใจจำนวนมาก

ทำให้สมเด็จฮุน เซน ลบทวีตนั้นไป

รวมทั้งได้ทวีตใหม่อีกครั้งว่า “ไม่ได้ต่อต้านพิธา”

และ “พร้อมที่จะทำงานร่วมเมื่อพิธาได้เป็นผู้นำรัฐบาลไทย”

พร้อมทิ้งท้ายไว้ว่า “ผมเคารพการตัดสินใจของคนไทยและผมไม่ได้เข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย”

ตบหัวและลูบหลัง ตามสไตล์ผู้นำผู้แพรวพราวอย่างสมเด็จฮุน เซน

 

หากใครติดตามคอลัมน์ “อัญเจียแขฺมร์” ของอภิญญา ตะวันออก มาต่อเนื่อง

คงไม่แปลกใจท่าทีของสมเด็จฮุน เซน ข้างต้น

ซึ่งก็เป็นอย่างที่อภิญญา ตะวันออก ย้ำในมติชนสุดสัปดาห์ฉบับนี้ (หน้า 40) นั่นแหละ

“…ระบอบอำนาจ (ฮุน เซน) ที่มีเสถียรภาพขนาดนั้น จนมองไม่เห็นทางว่าใครจะมา ‘ดิสรัปชั่น’ หรือฝังกลบระบอบฮุนเซนเดิมนี้ไปได้

…แต่จู่ๆ ที่สรกเสียม ก็มีคนบ้า? ที่ชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และคณะก้าวไกล (Move Forward Party/MFP) หรือสึนามิสีส้มที่กล้าประกาศตัวเป็น ‘บิ๊กแบง’ ที่จะเข้ามา ‘ระเบิดศักยภาพ’ มนุษย์พันธุ์ของตัวเอง!

…จนอาจจะไปทำให้กัมพูชาและการเมืองที่นั่นมีความเปลี่ยนแปลงบ้าง

สมเด็จฮุน เซน จึงมีความไม่สบายใจ

กลัวว่าไทยจะเปลี่ยนโฉมหน้าตัวเองไปสู่ระบอบเสรีนิยมก้าวหน้า

เมื่อสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่กำลังจะมาเยือน ณ ทำเนียบตาเขมา แล้วกัมพูชาจะเหลือรอดจริงหรือ?…”

ใช่แล้ว สมเด็จฮุน เซน กังวลกับคนรุ่นใหม่กัมพูชา

ที่อาจจะใช้บทเรียนจากคนรุ่นใหม่ของไทยมาเขย่าบัลลังก์อำนาจอันยาวนานของตน

จึงไม่แปลกที่จะลิงโลด ที่พิธาถูกปีกอนุรักษ์ตกขอบ (ซึ่งสมเด็นฮุน เซน น่าจะอยู่ในปีกนี้) ไปไม่ถึงฝั่งฝัน

สอดคล้องกับความเห็นของอุกฤษฏ์ ปัทมานันท์ แห่งคอลัมน์โลกทรรศน์ ซึ่งนำเสนอ “กัมพูชากับการเลือกตั้ง ความหวังและอนาคต” (หน้า 88)

โดยการเลือกตั้งกัมพูชา จะมีขึ้นวันที่ 23 กรกฎาคมนี้

ซึ่งอาจารย์อุกฤษฏ์บอกว่าน่าสนใจมาก

น่าสนใจ เพราะแม้คนกัมพูชา รวมทั้งสื่อต่างชาติ เชื่อว่า 125 ที่นั่งของรัฐสภาจะตกเป็นของพรรค Cambodian People Party-CCP ของฮุน เซน อย่างง่ายดาย

พรรคของสมเด็จฮุน เซน ไม่มีทางแพ้การเลือกตั้งครั้งนี้

ทั้งในฐานะเป็นบุรุษเหล็กแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศอายุน้อยที่สุด

เป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ พ.ศ.2528 ที่มีอายุน้อยที่สุด

เป็นนายกรัฐมนตรียาวนานที่สุดในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่

ตลอด 38 ปี สมเด็จฮุน เซน จึงแข็งแกร่งที่จะจะครองอำนาจต่อไป

 

สมเด็จฮุน เซน กำลังจะมีการผ่องถ่ายอำนาจและการบริหารไปให้ฮุน มาเนต ลูกชายคนโต ซึ่งจะต้องราบรื่น ไร้ปัญหา

แต่ด้วยประสบการณ์ และความจัดเจน เมื่อสัมผัสได้ถึงสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง คนรุ่นใหม่ ระบบทุนนิยม โลกาภิวัตน์ กำลังมาแรง

ย่อมตื่นตัว และตื่นภัย

โดยเฉพาะสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงนำพาคนที่ชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สู่การเมืองใหม่ที่กรุงเทพฯ ท่านผู้นำย่อมจับจ้องตาเขม็ง ด้วยความหวาดระแวง

ด้วยเกรงว่า สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง จะพัดพามาถึงคนรุ่นใหม่ของกัมพูชาด้วย

 

แต่แล้ว ที่สุด “พิธา” ก็มีแนวโน้มพ่ายแพ้ต่อฝ่ายอนุรักษนิยมในไทย

แน่นอน ย่อมเป็นเรื่องยินดีปราโมทย์ของสมเด็จฮุน เซน ที่กระแสคนรุ่นใหม่ถูกสกัด

ไม่เป็นแรง “ดาลใจ” ให้ฝ่ายค้านและคนรุ่นใหม่ในกัมพูชาเอาเยี่ยงอย่าง

และถึงจะโผล่มาท้าทาย ก็จะต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกับนายพิธาและก้าวไกล •